พลตำรวจโท สมพงษ์ ชิงดวง รักษาราชการแทนผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง(รรท.ผบช.สตม.) พร้อมด้วย พลตำรวจตรี ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์,พลตำรวจตรี กฤษกร พลีธัญญวงศ์,พลตำรวจตรี อิทธิพล อิทธิสารรณชัย,พลตำรวจตรี ณฐพล แสวงกิจ,พลตำรวจตรี สรายุทธ สงวนโภคัย รองผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (รองผบช.สตม.) และพลตำรวจตรี สุรพงษ์ ชัยจันทร์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 (รองผบช.ภ.7) รักษาราชการแทน รองผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง(รรท.รอง ผบช.สตม.)
ได้สั่งการให้ พลตำรวจตรี พนัญชัย ชื่นใจธรรม ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ผบก.สส.บช.สตม.) พร้อมด้วย พันตำรวจเอก วิญญู อำนวยสมบัติ รองผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (รองผบก.สส.บช.สตม.),พันตำรวจเอก พงษ์นคร นครสันติภาพ รองผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (รองผบก.สส.บช.สตม.) และ พันตำรวจเอก ปฏิญญา จีรชนาสิน ผู้กำกับการ 4 กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ผกก.4 บก.สส.บช.สตม.)
เฝ้าติดตามสถานการณ์ กลุ่มองค์กร บุคคลต่างด้าวที่เดินทางเข้ามาพำนักอยู่ในประเทศไทย จนสามารถจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญ มีรายละเอียดดังนี้ เจ้าหน้าที่ กก.4 บก.สส.สตม.ได้รับแจ้งจากสายลับว่ามีบุคคลต่างด้าวสัญชาติจีน ราย MR.YUNYONG HE หรือ นายโอภาส เหอ ซึ่งบุคคลดังกล่าวเคยถูกดำเนินคดีในข้อหา ความผิดต่อเจ้าพนักงาน (แจ้งความอันเป็นเท็จ),ความผิดเกี่ยวกับเอกสาร (ปลอมและใช้เอกสารราชการปลอม) อีกทั้งยังเป็นบุคคลต้องห้ามตาม มาตรา 12 (6),(7) แห่ง พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 ถูกบันทึกข้อมูลในบัญชีบุคคลเฝ้าดูของ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และถูกผลักดันออกนอกราชอาณาจักร เมื่อปี พ.ศ.2559
ต่อมา MR.YUNYONG HE หรือ นายโอภาส เหอ ได้เดินทางกลับเข้ามาในราชอาณาจักร โดยใช้ชื่อ MR.AN HE สัญชาติจีน ผ่านช่องทาง ทอ.อู่ตะเภา ตม.จ.ระยอง บก.ตม.3 เมื่อวันที่ 27 เม.ย.62 ได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรถึงวันที่ 25 มิ.ย.62 (วีซ่านักท่องเที่ยว (60 วัน) ต่อมาได้ขออยู่ต่อในราชอาณาจักร ถึงวันที่ 25 ก.ค.62 โดยการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรยังไม่สิ้นสุด จากการตรวจสอบภาพถ่ายการเดินทางของบุคคลต่างด้าวในระบบ PIBICS พบว่าบุคคลดังกล่าวมีลักษณะตำหนิรูปพรรณคล้ายคนเดียวกัน
กระทั่งต่อมาวันที่ 26 มิ.ย.62 เวลาประมาณ 19.20 น. เจ้าหน้าที่ กก.4 บก.สส.สตม. ได้ไปทำการตรวจสอบพบบุคคลดังกล่าว และได้เชิญตัวมาที่ กก.4 บก.สส.สตม. เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงดังกล่าว ปรากฏว่า MR.AN HE ให้การยอมรับกับเจ้าหน้าที่ว่าตนเป็นบุคคลคนเดียวกันกับ MR.YUNYONG HE จึงได้พาตัว MR.AN HE ไปสแกนลายพิมพ์นิ้วมือ พบว่ามีประวัติเป็นผู้ต้องกักของ กก.3 บก.สส.สตม. จริง โดย MR.AN HE ได้ให้การยอมรับว่าตนเป็นบุคคลเดียวกันกับ นายโอภาส เหอ ซึ่งตนได้ถูกดำเนินคดีในข้อหาความผิดต่อเจ้าพนักงาน (แจ้งความอันเป็นเท็จ),ความผิดเกี่ยวกับเอกสาร (ปลอมและใช้เอกสารราชการปลอม) ซึ่งได้รับโทษจำคุก 11 เดือน เมื่อพ้นโทษแล้วจึงถูกผลักดันออกนอกราชอาณาจักร เมื่อกลับประเทศจีนแล้วจึงได้เปลี่ยนชื่อและทำหนังสือเดินทางใหม่ เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ และเดินทางเข้ามาประเทศไทยหลายครั้ง จนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามตรวจสอบพบในครั้งนี้
เจ้าหน้าที่ กก.4 บก.สส.สตม.ได้พิจารณาแล้วเห็นว่า บุคคลดังกล่าวเป็นภัยต่อสังคม และประชาชน อันเป็นพฤติการณ์ ซึ่งเป็นบุคคลต้องห้ามตาม ม.12 (6) และ (7) แห่ง พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 อันเป็นพฤติการณ์ที่สมควรเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร หากประชาชนพบเห็นการกระทำผิดของคนต่างด้าว หรือคนต่างด้าวที่อยู่ในประเทศไทยโดยผิดกฎหมาย สามารถแจ้งเบาะแสมาได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือ www.immigration.go.th
Cr.ทีมงานประชาสัมพันธ์ สตม.