นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายต่อต้านการคอร์รัปชัน โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊กส่วนตัว กล่าวถึงกรณีนายทศพล เพ็งส้ม หัวหน้าทีมต่อสู้คดีหุ้นสื่อของ 27 ส.ส.พรรคพลังประชารัฐได้เข้าตรวจสำนวนคำร้องที่นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ยื่นขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า 41 ส.ส.ที่ถือครองหุ้นสื่อ เข้าข่ายทำให้ขาดคุณสมบัติดำรงตำแหน่งส.ส.หรือไม่
โดยนายวีระ ระบุว่า หากศาลเห็นว่าเข้าข่ายถือหุ้นสื่อเหมือนกัน ผลก็ย่อมเหมือนกัน หากตัดสินไม่เหมือนกัน ฉิบหายแน่ ที่ต่างกันคือ ธนาธรขายหุ้นแล้ว โอนแล้ว แต่ศาลไม่เชื่อ ในระหว่างการพิจารณาคดี ศาลจึงสั่งให้พักการทำหน้าที่ไว้ก่อนเลย แต่กรณี 27 ส.ส. ของพรรคพลังประชารัฐ ยังถือหุ้นสื่ออยู่อย่างชัดเจน แต่จะผิดหรือไม่ผิดในเมื่ออยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล ก็ต้องพักการทำหน้าที่ไว้ก่อนเช่นกัน
นายวีระ กล่าวว่า พรรคพปชร. จะขอคุ้มครองชั่วคราวให้ 27 ส.ส. ได้ทำหน้าที่ต่อไปได้ โดยอ้างหน้าด้านๆว่า “การสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ในหลายคดีไม่เหมือนกัน” นอกจากนี้นายทศพล เพ็งส้ม ส.ส.และเป็นทนายของพรรค พปชร. ยังสารภาพออกมาชัดๆว่า “ผมมีหน้าที่ทำอย่างไรก็ได้ให้ 27 ส.ส. ยังสามารถทำหน้าที่ได้จนจบภารกิจ” เหตุผล ก็(กู)จะเอาอย่างนี้ (กู)จะเอาเปรียบเพื่อให้รัฐบาลประยุทธ์อยู่ต่อไปได้ แต่กรณีของธนาธรและพรรคอนาคตใหม่ จะเป็นอย่างไรก็เรื่องของมัน(มึง) ใช่ไหม? เห็นๆกันอย่างนี้ยังหน้าด้านว่า ไม่สองมาตรฐาน