นายณัฏฐ์ บรรทัดฐาน อดีต ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ และบุตรชายของ นายบัญญัติ บรรทัดฐาน กรรมการสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ถึงกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์พ่ายแพ้การเลือกตั้ง และข่าวการพิจารณาว่าจะร่วมตั้งรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐหรือไม่ว่า ประกาศไปเลยว่า จะอยู่ไปอีก 5ปี 10ปี ดีกว่าเอาความต้องการนั้นมาสอดไส้อยู่ในรัฐธรรมนูญ ไม่มีกติกาหรือรัฐธรรมนูญใดในโลกที่ปราบโกงได้เบ็ดเสร็จหรอก
คนอื่นในพรรคประชาธิปัตย์จะคิดอย่างไร อยากเป็นรัฐบาล อยากร่วมรัฐบาลหรือไม่ ผมไม่ทราบ แต่ด้วยสถานการณ์แบบนี้ หน้าตารัฐธรรมนูญแบบนี้ ผมว่า เราควรเป็นฝ่ายค้านเพื่อให้แน่ใจว่า นายกฯ และรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งแบบครึ่งๆ นี้จะทำงานได้ดีและปลอดโกงจริง
ผมเคยแสดงความเห็นไว้แบบนี้เมื่อปี’59 มาถึงวันนี้ วันที่พรรคประชาธิปัตย์แพ้เลือกตั้งแบบราบคาบ มันสะท้อนให้เห็นว่า ประชาชนส่วนใหญ่ไม่เอาแนวทางที่พรรคประชาธิปัตย์นำเสนอในการเลือกตั้ง
เสียงส่วนใหญ่เขาเอาแนวทางของพรรคพลังประชารัฐ เขาเอาแนวทางของพรรคเพื่อไทย ในขณะที่อุดมการณ์ของพรรคประชาธิปัตย์คือ ไม่สนับสนุนการสืบทอดอำนาจเผด็จการ ไม่สนับสนุนแนวทางประชาธิปไตย ที่ไม่ฟังเสียงข้างน้อย รวมถึงไม่สนับสนุนแนวทางการบริหารประเทศที่ไม่สุจริต
ครั้งหนึ่งเราเคยสนับสนุนพล.อ เปรม ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนกลาง แต่นั่นเกิดขึ้นหลังจากการเลือกตั้งสิ้นสุดลง โดยชื่อของพล.อ เปรมถูกหยิบยกขึ้นมาภายหลัง นั่นไม่ใช่การสืบทอดอำนาจ พล.อเปรม ไม่ได้เป็นนายกฯ ก่อนหน้านั้น ไม่ได้ถ่ายรูปติดป้ายหาเสียงกับผู้สมัคร ไม่ได้ขึ้นเวทีปราศรัยกับพรรคการเมืองใด ที่สำคัญท่านไม่เคยแสดงพฤติกรรมแบบคุณประยุทธ์ว่า “ไม่อยากเข้ามา แต่อยากอยู่ต่อ” มีรัฐมนตรีรับเชิญในรัฐบาลของท่านออกไปตั้งพรรคการเมืองไว้รองรับ
ดังนั้นพฤติกรรมของคุณประยุทธ์ และคณะคือการสืบทอดอำนาจ ซึ่งวันนี้จากผลการเลือกตั้งก็ได้ข้อสรุปว่า ประชาชนส่วนใหญ่เห็นด้วยกับแนวทางนี้ และเช่นเดียวกันกับคะแนนเสียงส่วนใหญ่อีกฟากหนึ่ง ที่ยังสนับสนุนพรรคเพื่อไทย ทั้งๆที่เคยเกิดการเดินขบวนไล่กันมายกใหญ่ในปี’57 แล้วด้วยเรื่องทุจริตต่างๆ และการออกกฎหมายนิรโทษกรรม มากไปกว่านั้น เราไม่คิดที่จะย่ำอยู่กับอดีตหรือจมปลักอยู่กับประเด็นการเมือง พรรคประชาธิปัตย์มองไปยังอนาคต เราใช้เวลาในช่วง 5 ปีของรัฐบาลรัฐประหาร เดินหน้าทำงานหนัก เก็บข้อมูล ศึกษาปัญหาและแนวทางพัฒนาต่างๆ เพื่อให้ได้นโยบายที่ดี เป็นประโยชน์กับคนทุกกลุ่ม เป็นรูปธรรม ตามที่เราได้ร่างและนำเสนอมันออกไปผ่านกระบวนการหาเสียงเลือกตั้ง
เรานำเสนออย่างเป็นขั้นตอน เป็นเหตุเป็นผล พร้อมอ้างอิงถึงความสำเร็จที่เราเคยทำมาในอดีต สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นข้อสรุปที่ทำให้ผมคิดว่า ระหว่างที่ใครต่อใครต่างช่วงชิงการจับขั้วตั้งรัฐบาลตามความต้องการของพวกเขา หากเรากลับมาทบทวนทั้งอุดมการณ์พรรคฯ หลักการ ทั้งความไว้วางใจต่อเราให้เข้าไปบริหารประเทศของประชาชน รวมไปถึงเหตุผลที่ผมเคยพูดไปก่อนหน้านี้ในปี’59 ซึ่งนั่นก็มีเหตุการณ์ที่พิสูจน์แล้วว่า ในช่วงท้ายของรัฐบาลรัฐประหารเอง ที่ก็ใช้รัฐธรรมนูญฉบับปราบโกงนี่ล่ะครับ
ก็ยังมีข้อกังขาเรื่องการปราบโกง องค์กรอิสระที่มีหน้าที่เฉพาะเรื่องปราบทุจริตก็ยังมีมติที่กังขาคนทั้งประเทศในบางเรื่อง นี่ยังไม่นับผลเลือกตั้งที่เริ่มจะมีข้อสงสัยกันมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะยังประกาศผลไม่ได้
“ผมมองไม่เห็นว่า ทำไมพรรคประชาธิปัตย์จึงควรจะไปอยู่ในวงจรของการตั้งรัฐบาลที่มีที่มาและที่ๆจะไปขัดกับอุดมการณ์พรรคฯขนาดนั้น ผมคงต้องยืนยันเหมือนเดิมว่า “คนอื่นในพรรคประชาธิปัตย์จะคิดอย่างไร อยากเป็นรัฐบาล อยากร่วมรัฐบาลหรือไม่ ผมไม่ทราบ แต่ด้วยสถานการณ์แบบนี้ ผมว่า เราควรทำหน้าที่เป็นฝ่ายนิติบัญญัติ ทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาล อย่างเข้มแข็งบนหลักการและเหตุผลที่ถูกต้อง ของระบอบประชาธิปไตย” นายณัฏฐ์ ระบุ
https://www.facebook.com/nutt.bantadtan/posts/2317169118342795