ที่ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พลตำรวจตรี จิรภพ ภูริเดช ผู้บังคับการกองปราบปราม (ผบก.ป.) ได้สั่งการให้ พันตำรวจเอก ธงชัย อยู่เกษ ผู้กำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม (ผกก.1 บก.ป.) และพันตำรวจตรี ธนศักดิ์ ปราสาททอง สารวัตรกองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม (สว.กก.1 บก.ป.)
นำกำลังเข้าจับกุม นางพรทิพย์ ดีมารยาตร์ อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 159/126 ซอยคู้บอล 27 แยก 60 แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กทม. ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 519/2560 ลงวันที่ 4 ก.ค.60 ข้อหา “ร่วมกันลักทรัพย์ที่เป็นของนายจ้าง,ร่วมกันปลอมเอกสาร เอกสารสิทธิและใช้เอกสาร เอกสารสิทธิอันเป็นเอกสารปลอม ร่วมกันปลอมเอกสาร และใช้เอกสารปลอมร่วมกันเอาไปเสียซึ่งเอกสารของผู้อื่นโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน” โดยสามารถจับกุมตัวได้ที่ บริเวณหน้าร้านขายพันธุ์ไม้ ริมถนนสุวรรณศร ต.เนินหอม อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี
สืบเนื่องมาจากช่วงวันที่ 6 พ.ค.58 ทางสหกรณ์ออมทรัพย์มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (เอแบค) พร้อมด้วยผู้เสียหายซึ่งเป็นสมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์ดังกล่าวจำนวนหนึ่งได้เดินทางเข้าร้องทุกข์กับทางพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) เพื่อเอาผิดกับ นางกัญชลิกา กุลพนิชย์ อายุ 47 ปี เจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินสหกรณ์ออมทรัพย์มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ และ นางพรทิพย์ฯ ผู้ต้องหารายนี้
ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายบัญชีของสหกรณ์ดังกล่าวด้วยเช่นกัน ภายหลังตรวจสอบพบว่าทั้งสองคนได้ร่วมกันปลอมแปลงเอกสารของสมาชิกสหกรณ์ฯ นำไปใช้กู้ยืมเงินของสหกรณ์โดยที่ผู้เสียหายไม่ทราบเรื่องซึ่งมีอยู่ด้วยกัน 3 ประเภท
คือประเภทที่ 1 สมาชิกที่ไม่เคยกู้ยืมเงินของสหกรณ์แต่ถูกนำเอกสารไปใช้กู้ยืมเงิน ประเภทที่ 2 คือ กลุ่มที่ได้กู้ยืมเงินของสหกรณ์แต่ถูกเพิ่มยอดเงินกู้เข้าไปจนมีหนี้เกินกว่าความเป็นจริง และประเภทที่ 3 คือ กลุ่มสมาชิกที่กู้ยืมเงินและชำระหนี้เงินกู้ให้กับสหกรณ์จนหมดสิ้นแล้วแต่ยังไม่มีการปิดบัญชีทำให้ยังคงมีหนี้เงินกู้ค้างอยู่รวมแล้วกว่า 140 คน รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 20 ล้านบาท
ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ทำการรวบรวมพยานหลักฐานจนมีการออกหมายจับนางกัญชลิกาฯ และ นางพรทิพย์ฯ ก่อนจะสามารถติดตามจับกุมนางกัญชลิกาฯ ได้ในเวลาต่อมา คงเหลือนางพรทิพย์ฯ ผู้ต้องหารายนี้ที่ยังอยู่ระหว่างการหลบหนี กระทั่งล่าสุดเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้สืบทราบว่าหลังก่อเหตุได้หนีมากบดานอยู่ในพื้นที่ จ.ปราจีนบุรี จึงนำกำลังเข้าทำการจับกุมตัวได้ดังกล่าว
จากการสอบสวนนางพรทิพย์ฯ ให้การรับสารภาพ ว่าตนได้ทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายบัญชีอยู่ที่สหกรณ์ดังกล่าวมาเป็นระยะเวลาร่วม 10 ปี และเคยได้รับรางวัลบุคลากรดีเด่นของ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ วิทยาเขตหัวหมากเมื่อปี 2553 กระทั่งหลังจากนั้นไม่นานตนได้ประสบปัญหาขาดสภาพคล่องทางการเงินจึงไปกู้เงินจากนายทุนเงินกู้นอกระบบมา
แต่ว่าไม่สามารถแบกรับภาระดอกเบี้ยที่ค่อนข้างสูงได้ จึงทำให้วงเงินที่เป็นหนี้พอกพูนเพิ่มขึ้นหลายเท่า จึงตัดสินใจร่วมกับนางกัญชลิกาฯ ก่อเหตุดังกล่าวเพื่อนำเงินไปใช้หนี้ ทั้งนี้ภายหลังก่อเหตุตนได้หลบหนีไปซ่อนตัวตามบ้านเพื่อนต่างๆ ก่อนจะย้ายมาช่วยเพื่อนขายพันธุ์ไม้อยู่ที่ จ.ปราจีนบุรี กระทั่งมาถูกจับกุมตัวได้ดังกล่าว เบื้องต้นจึงแจ้งข้อกล่าวหาตามหมายจับ ก่อนนำตัวส่งศาลอาญา ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
Cr.เจริญผล เอี่ยมพึ่ง