ที่สภ.เมืองนครปฐม พล.ต.ต.คำรณ บุญเลิศ ผบก. ภ.จว. นครปฐม พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ทท. พล.ต.ต.อังกูร คล้ายคลึง ผบก.ทท3 พ.ต.อ.กิตติพงษ์ คล้ายแก้ว ผกก.1 บก.ทท3 พ.ต.อ.ไพฑูรย์ พิทักษ์ธรรม ผกก. สภ. เมืองนครปฐม พ.ต.ท. สืบศักดิ์ ผันสืบ สว.ส.ทท.1 กาญจนบุรี พร้อมชุดสืบสวน เจ้าหน้าที่สถานทูตอังกฤษ ได้ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมตัวนายสัญญา งามสิมะ อายุ 59 ปี อยู่บ้านเลขที่ 415 พระรามที่ 2 ซอย 43 แขวงบางมด เขตจอมทอง กทม. ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนครปฐมที่ จ.34/2561 ลงวันที่ 21 ม.ค. 2561 ในข้อกล่าวหาลักทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะและเอาไปเสียซึ่งเอกสารใดของผู้อื่นในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น พร้อมด้วยของกลางเงินสดจำนวน 4,000 บาท เงินสดสกุลยูเอส ดอลล่าร์ จำนวน 300 ยูเอส บัตรเครดิต 4 ใบ และหนังสือเดินทาง

พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบช.ทท. ได้เปิดเผยพฤติกรรมในการจับกุมครั้งนี้ว่าเมื่อวันที่ 21 มกราคม 2561 เวลา 14.50 น. ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ศูนย์รับแจ้งเหตุ 1155 โดยมีการแจ้งจากเจ้าหน้าที่สายตรวจ สภ.เมืองนครปฐม ว่ามีผู้โดยสารหญิง 2 คน เป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติถูกรถแท็กซี่ทิ้งไว้ที่บริเวณปั๊มแก๊ส ปตท. NGV ต.พระประโทน อ.เมืองนครปฐม ทราบชื่อนางสาวลูซินดา เอ็มม่ามอร์ ชาวอังกฤษและนางสาวชาลอต เอพิล เบอตันบาเกอร์ ชาวอังกฤษ
โดยผู้เสียหายทั้งสองได้แจ้งกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ตนได้นั่งรถยนต์แท็กซี่ ยี่ห้อ โตโยต้า อัลติส สีเหลืองเขียว หมายเลขทะเบียน มฎ 2742 กทม. ซึ่งนั่งเหมารถมาจากถนนข้าวสาร กทม. เพื่อมุ่งหน้ามาเที่ยวที่ตลาดน้ำดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี เมื่อเที่ยวเสร็จแล้ว จึงเดินทางกลับด้วยแท็กซี่คันเดิม ขณะรถเข้าสู่กรุงเทพ รถแท็กซี่ได้จอดแวะเติมแก๊สที่ปั๊มน้ำมัน ปตท. NGV ต.พระประโทน อ.เมืองนครปฐม ตนและเพื่อนยังเห็นว่ามีเวลาจึงได้ลงจากรถเพื่อสูบบุหรี่ แต่ปรากฏว่า รถแท็กซี่คันดังกล่าวได้ขับออกไป โดยทิ้งตนและเพื่อนที่ไว้ที่ปั๊มน้ำมัน ซึ่งภายในรถแท็กซี่นั้นยังมีกระเป๋าสะพายของตนมีทรัพย์สินเงินสด จำนวน 4,000 บาท เงินสดสกุลยูเอส ดอลล่าร์ จำนวน 300 ยูเอส บัตรเครดิต 4 ใบ และหนังสือเดินทาง ตนจึงได้แจ้งกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ จากนั้นได้มีเจ้าหน้าที่สายตรวจของ สภ.เมืองนครปฐมมาพบ และไปแจ้งศูนย์ 1155 จนกระทั่งเวลา 15.10 น. พ.ต.ท.สืบศักดิ์ ผันสืบ สว.ส.ทท.1 กาญจนบุรี ได้สั่งการไปที่ชุดปฏิบัติการเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวนครปฐมและชุดสืบสวนให้ไปตรวจสอบ พร้อมให้ความช่วยเหลือนักท่องเที่ยวและแนะนำให้นักท่องเที่ยวไปแจ้งความเพื่อดำเนินคดีกับแท็กซี่คันดังกล่าว แต่นักท่องเที่ยวมีความประสงค์จะเดินกลับที่พักในถนนข้าวสาร กทม. เนื่องจากต้องเดินทางกลับประเทศอังกฤษ วันที่ 22 มกราคม 2561 เวลา 10.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวจึงได้จัดหารถแท็กซี่และนั่งไปส่งที่พักด้วยเพื่อความปลอดภัย

หลังเสร็จสิ้นทาง พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบช. ทท. ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการติดตามตัวแท็กซี่ผู้ก่อเหตุ มาดำเนินคดี จนกระทั่งสามารถติดตามจับกุมตัวได้ที่ นายสัญญา งามสิมะ อายุ 59 ปี อยู่บ้านเลขที่ 415 พระรามที่ 2 ซอย 43 แขวงบางมด เขตจอมทอง กทม. ได้ที่กทม. โดยกล่าวหาว่าเป็นพนักงานประจำรถกระทำการด้วยประการใดๆ ให้ผู้ต้องให้ผู้โดยสารต้องลงจากรถ ก่อนที่จะได้โดยสารปลายทาง และเป็นรถโดยสารสาธารณะที่ต้องใช้มาตราวัดค่าโดยสาร แต่ไม่ปฏิบัติตามให้เป็นไปตามกฎกระทรวงตาม พรบ.ขนส่งทางบก 2522

พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบช. ทท. เผยต่ออีกว่า จากเหตุการณ์ดังกล่าวต้องชมเชยตำรวจ สภ.เมืองนครปฐมและตำรวจท่องเที่ยว ในการสร้างความมั่นใจและเชื่อมั่นให้กับการท่องเที่ยว หากเกิดเหตุการณ์แบบนี้จะต้องจับคนร้ายให้ได้และต้องเอาทรัพย์สินคืนมาให้ได้โดยเร็ว ในวันนี้จะมีเจ้าหน้าที่สถานเอกอัครราชทูตอังกฤษเดินทางมาพร้อมขอบคุณในการทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่วนเรื่องปัญหาสุขภาพที่ผู้ต้องหาอ้างว่ามีโรคประจำตัว มีปัญหาทางด้านสุขภาพหรือทางจิต อย่างไรก็ต้องให้แพทย์เป็นผู้ยืนยัน แต่ในการจับกุมเมื่อมีการกระทำผิดเกิดขึ้น ในฐานลักทรัพย์แบบนี้ ในการลืมผู้โดยสารแต่ไม่ลืมกระเป๋าสตางค์ มันเป็นเรื่องที่ผิดปกติ ฉะนั้นขอฝากไปยังแท็กซี่ทุกท่านต้องทำตัวเป็นเจ้าบ้านที่ดี เพราะแท็กซี่คือคนไทยคนแรกที่นักท่องเที่ยวจะต้องเจอ

ทางด้าน นายสัญญา คนขับแท็กซี่ อ้างว่าตนไม่ได้ตั้งใจที่จะนำทรัพย์สินของผู้โดยสารไป แต่เป็นเพราะว่าตนแวะเติมแก๊ส เมื่อขึ้นรถแล้วไม่เห็นผู้โดยสารนั่งอยู่ ด้วยความเคยชิน จึงขับรถออกไปทันที ประกอบกับตนเป็นโรคเครียด ต้องหาหมอและรักษาเป็นประจำจึงทำให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้

Thai Tourist Police

Thai Tourist Police