ที่ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) : พลตำรวจตรี จิรภพ ภูริเดช ผู้บังคับการกองปราบปราม (ผบก.ป.) พร้อมด้วย พันตำรวจเอก อรุณ วชิรศรีสุกัญยา ผู้กำกับการ 2 กองบังคับการปราบปราม (ผกก.2 บก.ป.),พันตำรวจเอก บุญลือ ผดุงถิ่น ผู้กำกับการ 3 กองบังคับการปราบปราม (ผกก.3 บก.ป.), พันตำรวจเอก วิจักขณ์ ตารมย์ รักษาราชการแทน ผู้กำกับการสนับสนุน กองบังคับการปราบปราม (รรท.ผกก.สนับสนุน บก.ป.) และเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.)
ร่วมกันแถลงผลการจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับที่บวชพระภิกษุตามวัดต่างๆทั้งในพื้นที่ กทม.และต่างจังหวัด ตามแผน “ยุทธการกวาดลานวัด” โดยสามารถจับกุมผู้ต้องหาทั้งหมดได้จำนวน 18 คน แยกเป็นประเภทความผิด 4 กลุ่ม ประกอบด้วย กลุ่มที่ 1 คดีความผิดเกี่ยวกับชีวิต ร่างกาย และเพศ จำนวน 4 ราย กลุ่มที่ 2 คดีเกี่ยวกับทรัพย์ จำนวน 9 ราย กลุ่มที่ 3 คดีความผิดพิเศษ จำนวน 1 ราย กลุ่มที่ 4 คดีความผิดที่รัฐเป็นผู้เสียหาย จำนวน 4 ราย
สำหรับผู้ต้องหาที่ทางกองปราบฯจับกุมได้นั้นมีคดีที่น่าสนใจจำนวน 3 คดี โดยคดีแรก เจ้าหน้าที่ได้จับกุม นายมนัส ชะบา หรือ พระมนัส สุจิตโต อายุ 44 ปี ตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ จ.446/2561 ลงวันที่ 13 กรกฎาคม 2561 ข้อหา “กระทำอนาจารแก่เด็กอายุไม่เกินสิบห้าปี โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม โดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยเด็กนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้”
ทั้งนี้สืบเนื่องจากต้นปี 2561 นายมนัสฯ ซึ่งขณะนั้นบวชเป็นพระลูกวัดอยู่ที่วัดแห่งหนึ่งในพื้นที่ กทม.ได้ก่อเหตุกระทำอนาจารเด็กหญิงวัย 10 ขวบ ซึ่งอาศัยอยู่กับยายในเพิงพักของคนงานก่อสร้างใกล้กับวัด โดยก่อนเกิดเหตุพระมนัสฯ เห็นว่า ที่บ้านพักของ ผู้เสียหายนั้นเปิดเป็นร้านขายของชำ จึงทำทีสั่งของจากร้านแล้วให้ผู้เสียหายนำมาส่งมอบให้ที่กุฏิภายในวัด เมื่อผู้เสียหายมาถึงพระมนัสฯ ก็ได้ใช้กำลังปลุกปล้ำ กอดจูบลูบคลำ ผู้เสียหายจึงพยายามขัดขืนก่อนจะดิ้นหลุดวิ่งหนีเอาตัวรอดออกมาจากกุฏิได้ ก่อนนำเรื่องไปบอกให้กับทางผู้ปกครองทราบ ก่อนจะมีการแจ้งความจนมีการออกหมายจับดังกล่าว ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้สืบทราบว่าภายหลังก่อเหตุพระมนัสฯ ได้ไหวตัวทัน ก่อนจะหลบหนีไปจำวัดอยู่ที่วัดแห่งหนึ่งในจังหวัดนครราชสีมา จึงนำกำลังเข้าทำการจับกุมตัวได้ดังกล่าว
สำหรับคดีน่าสนใจลำดับที่ 2 เจ้าหน้าที่จับกุม นายบุญชู จำปาศรี หรือพระบุญชูฯ อายุ 48 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดระยองที่ จ.29/2557 ลงวันที่ 21 มกราคม 2557 ข้อหา “ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น” ทั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 7 มกราคม 2547 เวลา 15.30 น. นายบุญชู ได้ร่วมกับเพื่อนหญิงอีกจำนวน 1 คน ซึ่งถูกจับกุมไปก่อนหน้านี้ ได้ก่อเหตุใช้ขวดปากฉลามแทงคู่อริรายหนึ่งจนได้รับบาดเจ็บสาหัสที่บริเวณท้อง ก่อนจะแยกย้ายกันหลบหนี ก่อนที่ต่อมาเจ้าหน้าที่จะสามารถติดตามจับกุมหญิงสาวที่ร่วมกันก่อเหตุได้แล้วคงเหลือนายบุญชู ผู้ต้องหารายนี้เพียงคนเดียว เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้กระจายกำลังลงพื้นที่สืบหาเบาะแส กระทั่งทราบว่าภายหลังก่อเหตุนายบุญชูได้หลบหนีมาบวชเป็นพระอยู่ที่วัดแห่งหนึ่งในจังหวัดกาฬสินธุ์ จึงนำกำลังเข้าทำการจับกุมตัวได้ดังกล่าว นอกจากนี้จากการตรวจสอบประวัติของนายบุญชู ยังพบว่ามีหมายจับในคดีฆ่าผู้อื่น ติดตัวอีก 1 คดี ซึ่งได้หลบหนีคดีดังกล่าวมานานกว่า 15 ปี กระทั่งมาก่อเหตุล่าสุดจนนำมาซึ่งการถูกจับกุมตัวดังกล่าว
และอีกคดีน่าสนใจลำดับที่ 3 เจ้าหน้าที่ได้จับกุม นายก้องชัชพงษ์ สุวรรณพรรค หรือ พระก้องชัชพงษ์ อายุ 35 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดเชียงคำที่ 388/2556 ลงวันที่ 11 ตุลาคม 2556 ข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน” และหมายจับศาลอาญาที่ 636/2558 ลงวันที่ 30 มีนาคม 2558 ข้อหา “ร่วมกันโฆษณาข้อความที่เป็นเท็จหรือเกินความจริง และร่วมกันฉ้อโกงประชาชน”
ทั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อประมาณปี 2556 ขณะที่นายก้องชัชพงษ์ฯ ยังไม่ได้บวชเป็นพระนั้น ได้มีพฤติการณ์โฆษณาหลอกขายแพคเกจทัวร์ท่องเที่ยวเกาหลีและประเทศต่างๆ จนมีผู้เสียหายหลงเชื่อซื้อทัวร์กับนายก้องชัชพงษ์ฯ เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อถึงกำหนดผู้เสียหายกลับไม่สามารถเดินทางได้ตามที่ตกลงกันไว้ เมื่อถูกทวงถามก็จะพยายามบ่ายเบี่ยงก่อนจะขาดหายการติดต่อไปในที่สุด ผู้เสียหายจึงได้รวมตัวกันเข้าแจ้งความจนมีการออกหมายจับ ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้สืบทราบว่าภายหลังก่อเหตุนายก้องชัชพงษ์ ได้หลบหนีคดีมาบวชเป็นพระอยู่ที่วัดแห่งหนึ่งในจังหวัดสงขลา จึงนำกำลังเข้าทำการจับกุมตัวได้ดังกล่าว
ต่อมาวันนี้ วันพฤหัสบดีที่ 14 ก.พ.62 ที่กองบังคับการปราบปราม พันตำรวจเอก จิรภพ ภูริเดช ผู้บังคับการกองปราบปราม (ผบก.ป.) พร้อมด้วย พันตำรวจเอก ภูมินทร์ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้กำกับการ 5 กองบังคับการปราบปราม (ผกก.5 บก.ป.) และ พันตำรวจโท วิศิษฏ์ ศรียาภัย สารวัตรกองกำกับการ 5 กองบังคับการปราบปราม (สว.กก.5 บก.ป.) จับกุม นายปพนสรรค์ เพ็ชร์พันธุ์ หรือพระครูสังฆรักษ์ปพนสรรค์ กนตธัมโม อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 143/2 หมู่ 4 ต.หัวตะพาน อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช ตามหมายจับศาลจังหวัดนครศรีธรรมราชที่ 821/47 ลง 24 พ.ย.2547 และหมายจับศาลจังหวัดสมุยที่ 93/48 ลง 2 มิ.ย.48 ในข้อหา “ร่วมกันพยายามฆ่า,มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพาอาวุธปืนไปในเมือง” จับได้ บริเวณ หน้าวัดรอเจริญ บ้านยอด หมู่ 1 ต.บางปลาม้า อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี
สืบเนื่องมาจากเมื่อปี พ.ศ. 2547 นาย ปพนสรรค์ฯ กับพรรคพวกก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงคู่อริ ซึ่งเป็นวัยรุ่นต่างหมู่บ้านที่เคยทะเลาะกันมาก่อน ได้รับบาดเจ็บสาหัส ในพื้นที่ อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช ต่อมาปี พ.ศ.2548 ก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงผู้อื่นอีกครั้งในพื้นที่ อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎรธานี ก่อนหลบหนีไปบวชเป็นพระภิกษุภายในวัดรอเจริญ จ.สุพรรณบุรี เป็นระยะเวลานานถึง15 ปี จนได้ตำแหน่งเจ้าอาวาสวัด กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามสืบทราบว่า นาย ปพนสรรค์ฯ หนีมากบดานเป็นพระ ในพื้นที่ จ.สุพรรณบุรี จนกระทั่งจับกุมตัวได้ดังกล่าว
จากการสอบสวน นาย ปพนสรรค์ฯ รับสารภาพในคดีที่ สภ.ท่าศาลา ว่า ตนและพวกเคยทะเลาะวิวาทผู้บาดเจ็บมาก่อนหน้านี้ และเมื่อสบโอกาสเจอกัน จึงได้ก่อเหตุดังกล่าวขึ้น แต่ให้การปฏิเสธในคดีที่ สภ.เกาะสมุย ว่าตนไม่รู้เรื่อง ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุที่เกิดขึ้น เบื้องต้นเจ้าหน้าที่นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ. ท่าศาลา ดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป
โดย พล.ต.ต.จิรภพ กล่าวว่า สำหรับ “ยุทธการกวาดลานวัด” เป็นไปตามนโยบายของ พลตำรวจโท สุทิน ทรัพย์พ่วง ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) ที่ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบฯ บูรณการกำลังหน่วยงานต่างๆในสังกัด บช.ก. ตรวจสอบข้อมูลบุคคลที่มีหมายจับทั่วประเทศ ที่ได้หลบหนีคดีด้วยการไปบวชเป็นภิกษุสงฆ์ตามวัดหลายแห่งในหลายจังหวัด
เนื่องจากบุคคลเหล่านี้ถือเป็นบุคคลที่ทำให้พระพุทธศาสนา เสื่อมหมอง อย่างไรก็ตามจากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้งหมดพบว่าส่วนใหญ่ให้การรับสารภาพและยอมรับว่ามีจุดประสงค์ที่จะบวชพระเพื่อหนีคดีทั้งสิ้น โดยต่อจากนี้ จะมีการขยายผล ตรวจหาหมายจับค้างเก่าของคนร้ายบางส่วนเพิ่มเติมว่ามีหรือไม่ พร้อมส่งตัวกลับไปดำเนินคดีในท้องที่เจ้าของคดี
พ.ต.อ.จิรภพฯ กล่าวต่อว่า ขอฝากประชาสัมพันธ์ไปยังวัด หรือผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการบวชในด้านต่างๆ ให้ช่วยกันตรวจสอบประวัติของผู้ที่จะเข้ารับการบวชว่าเคยมีประวัติต้องคดีทางอาญาใดหรือไม่ หากพบข้อมูลสามารถแจ้งเบาะแสให้กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ได้ทันที
Cr.เจริญผล เอี่ยมพึ่ง