ที่กองบังคับการปราบปราม นายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความ ได้พานายทองขวัญ ฉิมมา หรือ ฝน อายุ 32 ปี ผู้ต้องหาคดีพรากผู้เยาว์ด.ช.ซูลุยผิว หรือ น้องต้าแง เด็กชาวเมียนมาวัย 2 ขวบ ที่เสียชีวิตอยู่ในไร่อ้อยที่อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี พร้อมด้วยนายสมจิตร ฉิมมา อายุ 70 ปี และนางพยุง สร้อยทอง อายุ 63 ปี พ่อและแม่ เดินทางเข้าพบพันตำรวจโท สุรชัย จันทรมณี รองผู้กำกับการสอบสวน กองกำกับการ 4 กองบังคับการปราบปราม (รองผกก.สอบสวน กก.4 บก.ป.) ช่วยราชการ กองกำกับการ 5 กองบังคับการปราบปราม (กก.5 บก.ป.) เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับนายตำรวจทั้ง 12 ราย รวมทั้งแพทย์ ที่ลงความเห็นว่าคำให้การของนายฝนฯ เชื่อถือได้ ในข้อหา เป็นเจ้าพนักงานปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เป็นเจ้าหน้าที่ปลอมแปลงเอกสาร กลั่นแกล้งผู้อื่นให้ได้รับโทษทางอาญา และหน่วงเหนี่ยวกักขัง ฐานที่บกพร่องต่อหน้าที่ ไม่รวบรวมพยานหลักฐานให้ครบถ้วนสมบูรณ์ กรณีแถลงข่าวและออกหมายจับนายฝน ในข้อหาพรากผู้เยาว์
นายอนันต์ชัยฯ กล่าวว่า เนื่องจาก คดีมีการสอบสวนโดยชี้นำพยานให้เป็นไปตามความต้องการของพนักงานสอบสวน และละเว้นสอบสวนพยานบางปาก อีกทั้งยังมีการไปควบคุมตัวนายฝนฯ ที่สถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์อย่างไม่ถูกต้อง โดยมีการให้นายฝนฯ พิมพ์ลายนิ้วมือรับทราบหมายจับ ทั้งที่นายฝนฯ ไม่อยู่ในสภาพเหมือนเช่นคนปกติ ซึ่งก่อนหน้านี้ตนได้เคยไปร้องเรียนที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อสอบสวนทางวินัยกับตำรวจชุดดังกล่าวด้วยแล้ว อย่างไรก็ตามเห็นได้ว่านายฝนฯ พูดจาและเล่าเรื่องราวกับสื่อมวลชน พูดจาวกไปวนมา เรียบเรียงเหตุการณ์ไม่ได้ เป็นการพิสูจน์ได้ว่า นายฝนฯ ไม่ได้อยู่ในสภาพเหมือนบุคคลทั่วไป ซึ่งผลการตรวจสติปัญญาของสถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ ก็ยังระบุด้วยว่า นายฝนฯเป็นคนปัญญาอ่อน อายุเทียบเท่าเด็กอายุ 7 ขวบ แต่ตำรวจชุดที่ทำคดีนึ้กลับไม่มีการสอบสวนพยานให้ครบถ้วนกระบวนความ ซึ่งขณะนี้คดีเป็นที่สิ้นสุดแล้ว เนื่องจากตำรวจยื่นคำร้องขอปล่อยตัวต่อศาล เพราะนายฝนฯ ไม่อยู่ในสภาพของคนปกติ คดีนี้ถือเป็นความบกพร่องของตำรวจชุดทำคดี จึงจะฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติต่อไป
ขณะที่นายฝนฯ ก็กล่าวสั้นๆด้วยว่า ระหว่างที่ตนถูกควบคุมตัวไป ตำรวจยังได้ใช้เชือกมัดมือ ตบหน้า และใช้บุหรี่จี้ที่ข้อมือของตนด้วย ทั้งนี้มีรายงานว่านายตำรวจที่เกี่ยวข้องกับคดีทั้งหมดรวม 12 นาย ประกอบไปด้วย พลตำรวจตรี คมศักดิ์ สุมังเกษตร ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุพรรณบุรี (ผบก.ภ.จ.สุพรรณบุรี),พันตำรวจเอก กฤษณ์ วาฤทธิ์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุพรรณบุรี (รองผบก.ภ.จ.สุพรรณบุรี),พันตำรวจเอก สมเดช เกษมสุข ผู้กำกับการกลุ่มงานสอบสวน กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุพรรณบุรี (ผกก.กลุ่มงานสอบสวน บก.ภ.จ.สุพรรณบุรี),พันตำรวจเอก รณกร ประคองศรี ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรสระยายโสม จังหวัดสุพรรณบุรี (ผกก.สภ.สระยายโสม จ.สุพรรณบุรี),พันตำรวจโท จำเนียร สะสมทรัพย์ รองผู้กำกับการสืบสวน สถานีตำรวจภูธรสระยายโสม จังหวัดสุพรรณบุรี (รองผกก.สส.สภ.สระยายโสม จ.สุพรรณบุรี),พันตำรวจโท ขวัญทูล ปัญญาปิยวิทย์ สารวัตรสอบสวน สถานีตำรวจภูธรสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี (สว.สอบสวน สภ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี),พันตำรวจโท ศรายุทธ ชิงชู สารวัตรสืบสวนสถานีตำรวจภูธรสระยายโสม จังหวัดสุพรรณบุรี (สว.สส.สภ.สระยายโสม จ.สุพรรณบุรี),พันตำรวจตรี มานะ ศิริเขตรกรณ์ สารวัตรสืบสวน สถานีตำรวจภูธรสามกระทาย จังหวัดสุพรรณบุรี (สว.สส.สภ.สามกระทาย จ.สุพรรณบุรี),ร้อยตำรวจเอก วีรยุทธ สุขแสง รองสารวัตรสอบสวน สถานีตำรวจภูธรสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี (รองสว.สอบสวนสภ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี),ร้อยตำรวจเอก รัชนาท ราษฏรปราณี รองสารวัตรสอบสวน สถานีตำรวจภูธรอู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี (รองสว.สอบสวน สภ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี)และ ร้อยตำรวจโท ทรงเกียรติ พุทธาประทีป รองสารวัตรป้องกันปราบปราม สถานีตำรวจภูธรสระยายโสม จังหวัดสุพรรณบุรี (รองสว.ป.สภ.สระยายโสม จ.สุพรรณบุรี)
เบื้องต้นพนักงานสอบสวน ได้สอบปากคำผู้ร้องเรียนไว้เป็นหลักฐาน ก่อนจะส่งคดีต่อให้พนักงาน กองบังคับการป้องกันปราบปรามและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ตามขั้นตอนของกฏหมายต่อไป
Cr.เจริญผล เอี่ยมพึ่ง