ที่ กองปราบปราม พลตำรวจโท สุทิน ทรัพย์พ่วง ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) พร้อมด้วย พลตำรวจตรี จิรภพ ภูริเดช ผู้บังคับการกองปราบปราม (ผบก.ป.),พันตำรวจเอก สันติ ชัยนิรามัย รองผู้บังคับการกองปราบปราม (รองผบก.ป.),พันตำรวจเอก บุญลือ ผดุงถิ่น ผู้กำกับการ 3 กองบังคับการปราบปราม (ผกก.3.บก.ป.) และ พันตำรวจตรี เอนก บุญตา สารวัตรกองกำกับการ 3 กองบังคับการปราบปราม (สว.กก.3.บก.ป.) ร่วมแถลงข่าวผลการจับกุม นายปรีชา ไกรสุข อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 66/1 หมู่ 2 ต.หนองบอน อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ ตามหมายจับศาลจังหวัดบุรีรัมย์ ที่ 2317 /2558 ลงวันที่ 6 พฤศจิกายน 2558 ข้อหา ร่วมกันทำไม้หวงห้าม (ไม้พยุง) และไม้หวงห้าม (ไม้พยุง) ที่ยังไม่ได้แปรรูปโดยไม่ได้รับอนุญาต,ร่วมกันซ่อนเร้น จำหน่ายหรือพาไปเสียให้พ้นซึ่งไม้หวงห้ามที่ตนรู้อยู่แล้วว่าไม่ได้มาจากการกระทำผิด,ร่วมกันมีและใช้เลื่อยโซ่ยนต์โดยไม่ได้รับอนุญาต,ร่วมกันลักทรัพย์ (ไม้พยุง) ในเวลากลางคืนโดยมีอาวุธปืนหรือโดยร่วมกันกระทำผิดตั้งแต่สองคนขึ้นไป,ต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานซึ่งปฏิบัติตามหน้าที่โดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยมีหรือใช้อาวุธปืนหรือโดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สามคนขึ้นไปและร่วมกันพยายามฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งปฏิบัติตามหน้าที่ ได้ที่ บริเวณหน้าตู้เอทีเอ็ม ธนคารกสิกรไทย ซอยรังสิต-นครนายก 51 ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี
พล.ต.ท.สุทินฯ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 28 พ.ย.58 นายปรีชาฯ ได้ร่วมกับพวกอีก 10 ราย ลักลอบตัดไม้พยุง ภายในวัดกู่ศรัทธาธรรม ต.เพี้ยรวม อ.เมืองจ.สุรินทร์ และเกิดการยิงต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ จนถูกวิสามัญ 1 ราย จับกุมได้ในที่เกิดเหตุ 3 ราย หลบหนี 3 ราย มีนายวัชชัย หรือปอน หรือนะ จันสมุทร หัวหน้าแก๊งถูกเจ้าหน้าที่ กก.3.บก.ป.จับได้เมื่อวันที่ 19 ธ.ค.2561 มีหมายจับ 13 หมาย นายปรีชาฯ ผู้ต้องหาที่ถูกจับในวันนี้ และ นายสุริยา หรือยา ต่อแก้ว ที่ยังหลบหนีอยู่ขณะนี้
พล.ต.ท.สุทินฯ กล่าวต่อว่า จากการสอบสวนนายปรีชา ให้การรับสารภาพ ว่า ได้เข้าร่วมแก๊งตัดไม้เมื่อต้นปี 2561 หลังตัดไม้ได้จะส่งให้นายทุน ชื่อ เสี่ยเจี๊ยบ นำขายต่อ ก่อเหตุมาแล้วหลายครั้ง สำหรับผู้ต้องหาตัดไม้พยุงแก๊งนี้ รวมตัวก่อเหตุมานานกว่า 10 ปีแล้ว ทำมามากกว่า 20 ครั้ง ทั้งแก๊งมีประมาณ 10 คน อาวุธครบมือ แบ่งหน้าที่กันทำมีการคุ้มกันการขนไม้ และเป็นการกระทำที่อุกอาจ เช่นจับผู้เสียหายมัดมือมัดเท้า ปืนจี้ จนทำให้ชาวบ้านหวาดกลัวเป็นอย่างมาก หลังจากนี้จะให้สอบสวนขยายผลจับกุมผู้ที่อยู่เบื้องหลังรวมทั้งนายทุนใหญ่ซึ่งเป็นคนไทย มาดำเนินคดีให้สิ้นซาก เบื้องต้นพบการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายมูลความผิดฐานฟอกเงินด้วย
Cr.เจริญผล เอี่ยมพึ่ง