“จินนี่” มอบอำนาจทนายแจ้งความ “โดม ปกรณ์ ลัม” คดีคุกคามทางเพศ ย้ำยอมความได้ต่อเมื่อสำนึกผิดจริง

75

“จินนี่” ลูกสาว “คุณหญิงสุดารัตน์” เดินหน้าใช้สิทธิตามกฎหมาย แจ้งความเอาผิด “โดม ปกรณ์ ลัม” ฐานคุกคามทางเพศผ่านคอมพิวเตอร์ ทนายย้ำทำเพื่อปกป้องศักดิ์ศรีสตรี ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว ตำรวจเตรียมนัดให้ปากคำทั้งสองฝ่ายหลังปีใหม่

วันที่ 30 ธันวาคม 2568 เวลา 15.30 น. ที่สถานีตำรวจนครบาลพหลโยธิน นายปริเยศ อังกูรกิตติ โฆษกพรรคไทยสร้างไทย พร้อมด้วย นายศุชัยวุธ ชาวสวนกล้วย หัวหน้าฝ่ายกฎหมายพรรคไทยสร้างไทย ในฐานะทนายความผู้รับมอบอำนาจจากนางสาวยศสุดา ลีลาปัญญาเลิศ หรือ “จินนี่” บุตรสาวของคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ นายปกรณ์ ลัม หรือ “โดม ปกรณ์ ลัม” ต่อพนักงานสอบสวน

การแจ้งความครั้งนี้ เป็นการดำเนินคดีในข้อหาคุกคามทางเพศต่อผู้อื่นผ่านระบบคอมพิวเตอร์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 284/1 วรรค 3 หลังจากมีการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสภาพของ “จินนี่” ในลักษณะที่เข้าข่ายการคุกคามทางเพศ โดยทีมทนายความได้นำพยานหลักฐานเป็นเอกสาร ภาพ และคลิปวิดีโอที่เกี่ยวข้อง รวมถึงคลิปที่นายปกรณ์ออกมายอมรับว่าอาจเป็นผู้แสดงความคิดเห็นดังกล่าว และมีการกล่าวขอโทษต่อสาธารณะ มาแสดงต่อพนักงานสอบสวน

ภายหลังการแจ้งความ นายศุชัยวุธ ให้สัมภาษณ์ว่า ครอบครัวของ “จินนี่” และสมาชิกพรรคไทยสร้างไทย เห็นว่าการกระทำดังกล่าวเป็นสิ่งไม่ถูกต้อง การเข้าแจ้งความในวันนี้จึงเป็นการใช้สิทธิตามกฎหมายเพื่อปกป้องศักดิ์ศรีและสิทธิของสตรี พร้อมขอบคุณการแก้ไขกฎหมายในมาตรา 284/1 วรรค 3 ที่ครอบคลุมการพูดหรือแสดงความคิดเห็นในลักษณะคุกคามทางเพศ ซึ่งเป็นสิ่งที่สังคมต้องตระหนัก โดยเฉพาะผู้กระทำความผิด

ทนายความย้ำว่า การดำเนินการครั้งนี้ไม่ใช่เพียงเพื่อคุ้มครอง “จินนี่” เท่านั้น แต่เพื่อเป็นบรรทัดฐานในการปกป้องสุภาพสตรีทุกคนจากการถูกคุกคามในโลกออนไลน์

เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามว่า นายปกรณ์ได้ติดต่อเข้ามาขอโทษเป็นการส่วนตัวหรือไม่ นายศุชัยวุธ ระบุว่า เท่าที่ทราบยังไม่มีการเข้าพบโดยตรง พร้อมย้ำว่าการขอโทษต้องแสดงถึงความจริงใจอย่างชัดเจน ไม่ใช่เพียงการออกมาชี้แจงหลังจากไม่สามารถเดินหน้าต่อในสังคมได้ อีกทั้งผู้กระทำเป็นบุคคลสาธารณะที่มีชื่อเสียง จึงควรตระหนักถึงผลกระทบจากการกระทำมากกว่าคนทั่วไป

ส่วนกรณีกระแสข่าวว่า นายปกรณ์พยายามติดต่อเพื่อขอเจรจาหลายครั้งนั้น ทนายความระบุว่า ได้ติดตามข่าวและนำคำชี้แจงดังกล่าวมาเป็นพยานหลักฐานทางกฎหมายแล้ว พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า หากต้องการแสดงความรับผิดชอบอย่างแท้จริง ควรดำเนินการให้ชัดเจนและเหมาะสม

นายศุชัยวุธ กล่าวเพิ่มเติมว่า กฎหมายที่นำมาบังคับใช้ในวันนี้ถือเป็นวันแรก และคุณหญิงสุดารัตน์เองย้ำชัดว่า การดำเนินคดีครั้งนี้ไม่ได้ทำเพื่อตนเอง แต่เพื่อสะท้อนปัญหาความไม่เท่าเทียมทางเพศในสังคมไทย ซึ่งแม้จะมีความพยายามผลักดันมาอย่างต่อเนื่อง แต่ในทางปฏิบัติยังคงมีช่องว่างอยู่ พร้อมย้ำว่า ผู้หญิงในฐานะแม่และสมาชิกของสังคมมีความสำคัญ และการกระทำครั้งนี้ไม่ใช่เพียงเพราะ “จินนี่” เป็นบุตรสาวของคุณหญิงสุดารัตน์ แต่เป็นการทำเพื่อผู้หญิงทุกคน

เมื่อถามถึงการยอมความในคดี ทนายความระบุว่า การยอมความหรือไม่ ขึ้นอยู่กับผู้กระทำความผิดว่าจะมีความสำนึก ตระหนัก และยอมรับผิดอย่างจริงใจหรือไม่

ด้าน นายปริเยศ โฆษกพรรคไทยสร้างไทย กล่าวถึงสภาพจิตใจของ “จินนี่” ว่า ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ยังมีความเข้มแข็ง และครอบครัวได้พูดคุยกันอย่างรอบคอบ ก่อนตัดสินใจดำเนินการทางกฎหมายอย่างมีวุฒิภาวะ

ทั้งนี้ เวลา 16.20 น. หลังการแจ้งความเสร็จสิ้น ทีมทนายความเปิดเผยว่า พนักงานสอบสวนจะนัดหมายให้ทั้งสองฝ่ายเข้าให้ปากคำและให้รายละเอียดเพิ่มเติมอีกครั้ง ภายหลังช่วงเทศกาลปีใหม่ต่อไป