ปส.ขยายผลคดี “Black Mirror TKP” เงินหมุนเวียนพันล้าน ตั้งข้อหาร่วมกันฟอกเงิน 4 ผู้ต้องหา ย้ำยังไม่พบเส้นเงินโยงพรรค เตรียมฝากขัง 31 ธ.ค.
ตำรวจปราบปรามยาเสพติดเดินหน้าขยายผลคดีฟอกเงินเครือข่ายยาเสพติด “Black Mirror TKP” หลังเปิดปฏิบัติการทลายบริษัทบังหน้า พบเงินหมุนเวียนหลายพันล้านบาท ล่าสุดอดีตผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรุงเทพมหานคร พรรคประชาชน ซึ่งตกเป็นหนึ่งในผู้ต้องหา ให้การปฏิเสธข้อกล่าวหาฟอกเงินที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด แต่ยอมรับมีตำแหน่งเป็นกรรมการบริษัทในเครือ TKP จริง ขณะที่ตำรวจยืนยันพยานหลักฐานแน่นหนา และยังไม่พบเส้นทางการเงินเชื่อมโยงไปถึงพรรคการเมือง
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 30 ธันวาคม 2568 พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (ผบช.ปส.) เปิดเผยความคืบหน้าคดีว่า ก่อนหน้านี้ตำรวจกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เปิดปฏิบัติการตรวจค้นและจับกุมเครือข่าย “Black Mirror TKP” ซึ่งใช้บริษัทเอกชนเป็นฉากบังหน้าในการฟอกเงินจากยาเสพติด
ปฏิบัติการดังกล่าวเข้าตรวจค้นเป้าหมาย 22 จุด ใน 5 จังหวัด ออกหมายจับ 7 หมาย สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 4 ราย และยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายรวมมูลค่ากว่า 200 ล้านบาท ขณะที่ผู้ต้องหาอีก 3 ราย ซึ่งเป็นชาวลาว หลบหนีออกนอกประเทศ
หนึ่งในผู้ต้องหาที่ถูกจับกุม คือ นายบุญฤทธิ์ เรารุ่งโรจน์ หรือ “แบงก์” อดีตผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขต กรุงเทพมหานคร เขต 33 (บางพลัด–บางกอกน้อย ยกเว้นแขวงศิริราช) พรรคประชาชน ซึ่งมีรายชื่อเป็นกรรมการ 1 ใน 4 บริษัทของเครือข่าย TKP และเป็นหนึ่งใน 7 ผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับในคดีนี้
พล.ต.ท.อาชยน ระบุว่า ผู้ต้องหาทั้ง 4 ราย ให้การปฏิเสธข้อกล่าวหา โดยต่างยอมรับเฉพาะบทบาทของตนเองว่าเป็นกรรมการบริษัทหรือเจ้าของบัญชีธนาคารเท่านั้น สำหรับนายบุญฤทธิ์ ยอมรับว่าเป็นกรรมการของบริษัทในเครือ TKP เพียง 1 บริษัท จากทั้งหมด 4 บริษัท แต่ยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการฟอกเงินหรือเครือข่ายยาเสพติดแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม ผบช.ปส. ย้ำว่า พนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานไว้อย่างรัดกุม และมีหลักฐานเชื่อมโยงชัดเจนว่าผู้ต้องหาทั้ง 4 รายมีส่วนเกี่ยวข้องกับกระบวนการฟอกเงินของเครือข่ายยาเสพติด จึงได้แจ้งข้อหาร่วมกันฟอกเงิน และสมคบกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน
หลังจากนี้ ตำรวจจะดำเนินการสืบสวนสอบสวนขยายผลเพิ่มเติม ทั้งในประเด็นเส้นทางการเงิน บุคคลที่เกี่ยวข้อง และความผิดอื่นที่อาจเข้าข่าย เช่น การเป็นนอมินี หากพบพยานหลักฐานเพิ่มเติม จะมีการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มต่อไป
ผบช.ปส. เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ในเบื้องต้นจากการตรวจสอบเส้นทางการเงิน ยังไม่พบหลักฐานที่เชื่อมโยงไปถึงพรรคการเมืองแต่อย่างใด แต่การตรวจสอบยังไม่สิ้นสุด และจะต้องมีการขยายผลอย่างละเอียดรอบคอบ
สำหรับขั้นตอนทางกฎหมาย วันที่ 31 ธันวาคม 2568 พนักงานสอบสวนตำรวจปราบปรามยาเสพติด จะนำผู้ต้องหาทั้ง 4 ราย ส่งผัดฟ้องฝากขังต่อศาลอาญารัชดา โดยก่อนช่วงเที่ยงวัน พนักงานสอบสวนจะคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเป็นคดีที่มีอัตราโทษสูงและมีพฤติการณ์เป็นขบวนการ

