“รองฯโจ๊ก” เข้าพบ ปปป. โต้ทุกข้อกล่าวหา​ เปิดข้อสังเกตคดีทองคำ​ ชี้ผู้กล่าวหาเป็นตัวการหลักแต่ไม่ถูกแจ้งข้อหา

75

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล เข้าชี้แจงต่อพนักงานสอบสวน ปปป. เปิดข้อสังเกตคดีทองคำ ตั้งคำถามความเป็นธรรมในกระบวนการยุติธรรม ชี้ผู้กล่าวหาเป็นผู้กระทำเอง รับสารภาพแล้ว แต่กลับไม่ถูกแจ้งข้อหา พร้อมโยงปมขัดแย้งส่วนตัวและคดี “มินนี่” เป็นชนวนสำคัญ

เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 29 ธันวาคม 2568 ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.) พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน เพื่อให้ข้อมูลและชี้แจงข้อเท็จจริงในคดีที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้สั่งการให้มีการนำทองคำไปมอบให้แก่กรรมการรายหนึ่ง

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ระบุว่า ข้อกล่าวหาดังกล่าวไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริง เนื่องจากผู้กล่าวหาเป็นผู้ที่นำทองไปให้ด้วยตนเอง และได้ให้การรับสารภาพแล้วในชั้นสอบสวน แต่กลับไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาต่อผู้กล่าวหา ทั้งที่ถือเป็นตัวการหลัก ขณะที่ตนเองถูกระบุว่าเป็นเพียงผู้ใช้เท่านั้น ซึ่งเห็นว่าเป็นประเด็นที่ไม่เป็นธรรมและขัดต่อหลักกระบวนการยุติธรรม

นอกจากนี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังตั้งข้อสังเกตถึงกระบวนการสอบสวนของคณะพนักงานสอบสวน ปปป. โดยระบุว่า มีการตั้งคณะพนักงานสอบสวนล่วงหน้าตั้งแต่วันที่ 8 ธันวาคม 2568 ขณะที่ผู้กล่าวหาเพิ่งเข้าแจ้งความในวันที่ 23 ธันวาคม 2568 ทำให้เกิดข้อสงสัยว่าอาจมีการวางแผนหรือเตรียมการไว้ก่อนแล้ว พร้อมตั้งคำถามว่าทำไมพนักงานสอบสวนจึงไม่ดำเนินคดีกับผู้กล่าวหา ทั้งที่มีพฤติการณ์ชัดเจนและยังกล่าวถึงแรงจูงใจของผู้กล่าวหา โดยเชื่อว่ามีความโกรธเคืองส่วนตัวสะสมมานานกว่า 1 ปี จากปัญหาความขัดแย้งในครอบครัว รวมถึงประเด็นความสัมพันธ์กับบุคคลชื่อ “มินนี่” ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของเหตุการณ์ทั้งหมด และส่งผลกระทบต่อครอบครัวของผู้กล่าวหาอย่างรุนแรง

อดีตรอง ผบ.ตร. ระบุอีกว่า กรณีที่เกี่ยวข้องกับ “มินนี่” มีการดำเนินการทางวินัยเพียงให้ออกจากราชการ แต่ไม่มีใครถูกไล่ออก ขณะที่ตนเองซึ่งถูกจัดอยู่ในระดับ “แถว 3 แถว 4” กลับถูกไล่ออกจากราชการอย่างรวดเร็ว จึงมองว่าเป็นความไม่เป็นธรรมและเลือกปฏิบัติในกระบวนการลงโทษ

ในส่วนของลูกน้อง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เปิดเผยว่า ลูกน้องหลายรายถูกให้ออกจากราชการมาแล้วกว่า 2 ปี และต้องการกลับเข้ารับราชการอีกครั้ง โดยยืนยันว่า ตนไม่เคยรับรู้หรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับการที่ลูกน้องไปยืมเงินหรือโอนเงินกับ “มินนี่” และในประเด็นดังกล่าว ศาลอาญาได้มีคำพิพากษายกฟ้องแล้ว โดยระบุว่าเป็นเพียงกรณีการยืมเงิน ไม่ใช่การกระทำความผิดตามที่ถูกกล่าวหา

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ย้ำว่า การเข้าพบพนักงานสอบสวนในวันนี้ เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ของตนเอง และเรียกร้องให้กระบวนการยุติธรรมดำเนินไปอย่างเป็นธรรม โปร่งใส และเป็นไปตามหลักกฎหมาย โดยพร้อมต่อสู้คดีตามกระบวนการจนถึงที่สุด