วันนี้ (28 ธันวาคม 2568) พล.ต.ต.จตุรภัทร์ ภิรมย์แก้ว รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงแนวทางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ภายหลังจากสถานการณ์ความขัดแย้งเริ่มมีแนวโน้มคลี่คลายลง โดยเน้นย้ำภารกิจหลักในการฟื้นฟูความปลอดภัยเพื่อให้ประชาชนกลับมาดำเนินชีวิตตามปกติได้โดยเร็วที่สุด

สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้รับมอบภารกิจให้ดูแล “พื้นที่ส่วนหลัง” ซึ่งครอบคลุมทั้งชุมชน หมู่บ้าน และพื้นที่เศรษฐกิจตามแนวชายแดนที่ได้รับผลกระทบจากการปะทะ ซึ่งภารกิจสำคัญในขณะนี้คือการเร่งสร้างความเชื่อมั่นและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการกวาดล้างวัตถุอันตรายตกค้าง โดยตำรวจหน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด (EOD) ได้รับมอบหมายให้บูรณาการกำลังร่วมกับหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ เข้าปูพรมตรวจสอบเส้นทางคมนาคมหลัก พื้นที่การเกษตร และชุมชนที่อยู่อาศัย เพื่อค้นหาและทำลายวัตถุระเบิด หรือลูกกระสุนที่อาจตกค้าง (UXO) จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นกับประชาชนและเกษตรกรในพื้นที่

นอกจากนี้ พล.ต.ต.จตุรภัทร์ฯ กล่าวว่า เพื่อความปลอดภัย ขอความร่วมมือพี่น้องประชาชนที่เริ่มทยอยเดินทางกลับเข้าสู่ที่พักอาศัย หากพบเห็นวัตถุแปลกปลอมที่มีลักษณะคล้ายวัตถุระเบิด หรือชิ้นส่วนกระสุนปืนใหญ่ “ห้ามเข้าไปสัมผัส หยิบจับ หรือเคลื่อนย้ายโดยเด็ดขาด” เนื่องจากวัตถุดังกล่าวยังอาจมีอานุภาพทำลายล้างและเกิดระเบิดได้ตลอดเวลา ขอให้ประชาชนเว้นระยะห่างจากจุดที่พบวัตถุต้องสงสัย และรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ หรือโทรสายด่วน 191 และ 1599 ทันที เพื่อให้เจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญเข้าดำเนินการตรวจสอบและเก็บกู้ตามหลักยุทธวิธี
รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ภารกิจของตำรวจในพื้นที่ชายแดนขณะนี้ คือการเปลี่ยนจากสถานการณ์วิกฤติสู่สภาวะปกติ ตำรวจจะทำงานอย่างใกล้ชิดกับฝ่ายปกครองและกองทัพ เพื่อให้พื้นที่ส่วนหลังมีความปลอดภัยสูงสุด ประชาชนสามารถกลับมาประกอบอาชีพและค้าขายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจชายแดนได้ดังเดิม สำนักงานตำรวจแห่งชาติขอยืนยันว่า เราจะไม่ละทิ้งพื้นที่จนกว่าจะมั่นใจว่าทุกตารางนิ้วปลอดภัยสำหรับประชาชน

