น้ำตาท่วม สน.ประชาชื่น แม่เดินทางไกลจากต่างจังหวัด เจอลูกชายครั้งแรกในรอบกว่า 1 ปี หลังตำรวจคุมตัว “กาน เวลไฟร์” ฝากขังศาลอาญารัชดา เจ้าตัวมีอารมณ์ฉุน โวยสื่อ–อ้างถูกกลั่นแกล้ง ขณะพนักงานสอบสวนคัดค้านประกันตัว ชี้คดีร้ายแรง–เสี่ยงหลบหนี
เมื่อเวลา 08.40 น. วันที่ 26 ธันวาคม ที่สถานีตำรวจนครบาลประชาชื่น พนักงานสอบสวน สน.ประชาชื่น ได้ควบคุมตัว นายสงกรานต์ พานภู่ หรือ “กาน เวลไฟร์” อายุ 37 ปี ผู้ต้องหาในคดีอุกฉกรรจ์ ไปขออำนาจศาลอาญารัชดาฝากขังเป็นผลัดแรก มีกำหนดระยะเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 26 ธันวาคม 2568 ถึงวันที่ 6 มกราคม 2569
ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนได้ยื่นคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเป็นคดีร้ายแรง มีอัตราโทษสูง และผู้ต้องหาเคยมีพฤติการณ์หลบหนีคดีมาก่อน เกรงว่าจะไม่มาศาลหากได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว
บรรยากาศภายในและบริเวณหน้า สน.ประชาชื่น เป็นไปอย่างตึงเครียด เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบได้จัดกำลังดูแลความปลอดภัยอย่างเข้มงวด ระหว่างการควบคุมตัวผู้ต้องหาออกจากห้องขังในช่วงเช้า มีสื่อมวลชนจำนวนมากปักหลักติดตามทำข่าว และพยายามสอบถามข้อเท็จจริงเกี่ยวกับคดีดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม นายกานมีท่าทีไม่พอใจ แสดงอารมณ์ฉุนเฉียว พร้อมตะโกนใส่ผู้สื่อข่าวด้วยน้ำเสียงดังว่า “เฮ้ย หลบหน่อย ๆ !!” ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะเร่งนำตัวขึ้นรถควบคุมผู้ต้องขังเพื่อเดินทางไปศาล
ในช่วงเวลาเดียวกัน มารดาของนายกาน ซึ่งเดินทางมาจากต่างจังหวัด ได้มายืนรอพบลูกชายด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย โดยพยายามขอเข้าพบและสัมผัสตัวลูก เนื่องจากไม่เคยพบหน้ากันนานกว่า 1 ปี นับตั้งแต่ผู้ต้องหาหลบหนีคดี อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่อนุญาตให้พูดคุยกันได้เพียงผ่านกรงรถควบคุมผู้ต้องขังเท่านั้น
มารดาของนายกานกล่าวทั้งน้ำตาคลอว่า เตือนลูกชายให้มีสติและอดทน พร้อมยอมรับว่าสาเหตุของเหตุการณ์ทั้งหมดเกิดจากการขาดสติในขณะมึนเมา พร้อมบอกลูกชายให้ประพฤติตัวดี เพื่อหวังจะได้รับการพิจารณาในทางที่ดีขึ้นในอนาคต
ด้านนายกานกล่าวตอบเพียงสั้น ๆ ว่า “ผมโดนรังแก” ก่อนจะยกมือไหว้มารดา ท่ามกลางสายตาเศร้าโศกของผู้เป็นแม่
จากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขับรถควบคุมผู้ต้องขังออกจาก สน.ประชาชื่น มุ่งหน้าไปยังศาลอาญารัชดา เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า มารดาของผู้ต้องหารู้สึกเสียใจอย่างมากที่ต้องพบลูกชายอีกครั้งในสภาพถูกควบคุมตัว หลังจากที่ผ่านมาไม่สามารถติดต่อหรือพบเจอลูกได้เป็นเวลานาน เนื่องจากลูกชายหลบหนีออกจากครอบครัว ส่งผลให้เธอเกิดความเครียดอย่างหนัก กินไม่ได้นอนไม่หลับ และยังมีปัญหาด้านสุขภาพ ยืนยันว่าเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งต่อตนเองและลูกชาย พร้อมภาวนาให้กระบวนการยุติธรรมเป็นไปอย่างตรงไปตรงมาและเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

