กรุงเทพฯ, วันที่ 225 ธ.ค. – สมาคมการค้าไทยสตาร์ทอัพ ได้เข้าหารือร่วมกับพรรคเพื่อไทย ณ สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) เพื่อสะท้อนปัญหาเชิงโครงสร้างของระบบ Startup ไทย และนำเสนอข้อเสนอเชิงนโยบายในการสร้าง “กองทัพนวัตกรรม” เพื่อยกระดับขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศ โดยมี ศ.
ดร.ยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย และคณะทำงานด้านเศรษฐกิจ เข้าร่วมรับฟังอย่างใกล้ชิด และ นายธนวิชญ์ ต้นกันยา นายกสมาคมการค้าไทยสตาร์ทอัพ และคณะให้การต้อนรับ
โดยทางผู้แทนสมาคมได้นำเสนอภาพรวมความเจ็บปวดของเศรษฐกิจดิจิทัลไทย ชี้ให้เห็นปัญหาสำคัญว่า รายได้ของคนไทย และผู้ประกอบการรายย่อยไม่หมุนเวียนอยู่ในระบบเศรษฐกิจภายในประเทศ แต่เม็ดเงินจำนวนมากกลับไหลออกไปยังแพลตฟอร์มต่างชาติ ธุรกิจขนาดใหญ่ และกิจกรรมเศรษฐกิจนอกระบบ ส่งผลให้ SME และ Startup ซึ่งเป็นฐานการจ้างงานหลักของประเทศ ขาดโอกาสในการเติบโตอย่างแท้จริง
ทางสมาคมจึงยื่นข้อเสนอสำคัญ 3 ประการ ได้แก่ 1. การแก้ไขกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นทางกลไกการเงินและหยุดเลือดที่ไหลออกนอกประเทศ 2. การสร้าง “กองทัพนวัตกรรม” ทั้งเชิงรุกและเชิงรับ ผ่านโครงการ Innovation Talent Accelerator, Risk Capital Sandbox และ National Platform เพื่อลดการผูกขาด และ 3. การเปิดเวทีนโยบายใหญ่ในวันที่ 20 มกราคม เพื่อระดมความเห็นจากทุกภาคส่วน

ทางด้าน ดร.ยศชนัน กล่าวว่า เมื่อวานได้ไปคุยกับสภาอุตสาหกรรมซึ่งส่วนใหญ่เป็นธุรกิจขนาดใหญ่ แต่วันนี้ตั้งใจมาเน้นที่กลุ่ม Startup ซึ่งตนมีความคุ้นเคยเป็นอย่างดีตั้งแต่สมัยดูแลงานบ่มเพาะธุรกิจ (Incubate) ที่มหาวิทยาลัยมหิดล และทำงานร่วมกับ NIA มาโดยตลอด แม้ทางพรรคจะมีแพ็กเกจการสนับสนุนเตรียมไว้บ้างแล้ว แต่ในวงพูดคุยรอบแรกนี้ ตนอยากเปิดใจรับฟังทุกคนเพื่อให้เรามองเห็นภาพความเป็นจริงเดียวกันและก้าวไปข้างหน้าด้วยกัน “ผมมักถามตัวเองเสมอว่า เรามีความน่าเชื่อถือพอที่จะพูดเรื่องนี้ไหม ที่ผมมาวันนี้ ก็เพราะผมเคยลงมือทำเรื่องพวกนี้มาพอสมควร และตั้งใจจะมาผลักดันให้เกิดขึ้นจริง”
ศ.ดร.ยศชนัน ระบุว่าแนวทางที่อยากพัฒนาคือการมองภาพรวมทั้ง “ระบบนิเวศ” (Ecosystem) ไม่ใช่การแก้ปัญหาเป็นรายกรณี โดยมองว่าสิ่งที่ Startup ต้องการเร่งด่วนในปัจจุบัน คือการที่ภาครัฐต้องเข้ามาช่วยวางรากฐานโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยี “สิ่งที่ Startup ต้องการคือการรวมศูนย์ข้อมูล (Data Pooling), การวางรากฐานโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI และการเข้าถึงเทคโนโลยีหลัก (Core Technology) ซึ่งผมมองว่ารัฐควรเข้ามาช่วย License In หรือซื้อสิทธิ์การใช้งานเข้ามาเป็นฐานให้พวกเรา เพื่อลดข้อจำกัดเรื่องสิทธิบัตร เวลาขยายธุรกิจ ซึ่งตรงนี้ผมจะเข้ามาดูแลให้”
นอกจากนี้ ศ.ดร.ยศชนัน ยังเน้นย้ำถึงความสำคัญของสภาพแวดล้อมโดยเปรียบเทียบกับ Silicon Valley หรือ Kendall Square ที่บอสตัน ซึ่งความสำเร็จเกิดจากการที่คนในระบบนิเวศเดินไปมาหาสู่กันได้ เจอทั้ง Hackathon, Incubator และผู้เชี่ยวชาญ สำหรับประเทศไทย ย่านจุฬาฯ หรือเชียงใหม่ ถือว่ามีศักยภาพ แต่ยังขาดองค์ประกอบที่ครบทั้ง 5 ขาที่จะมารวมตัวกัน ได้แก่ Startup, มหาวิทยาลัย, VC, บริษัทใหญ่ (Big Corporate) และภาคการผลิต

“เราอยากเห็นพื้นที่ส่วนกลาง (Shared Space) ในเมืองที่ดึงดูดคนหลากหลายกลุ่มให้มาเจอกันได้ รวมถึงเรื่องระบบขนส่ง (Transportation) ที่เอื้อต่อการทำงานของ Startup ซึ่งรัฐบาลสามารถเข้ามาช่วยจัดการได้” แคนดิเดตนายกฯ เพื่อไทยกล่าว
ในช่วงท้ายของการหารือ ศ.ดร.ยศชนัน พร้อมด้วยทีมเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย ได้รับข้อเสนอเรื่องกองทัพนวัตกรรมและการแก้กฎหมายไปพิจารณาเพื่อผลักดันต่อ โดยย้ำว่าเรื่องเงินทุน (Angel Fund/VC) และการเร่งการเติบโต (Accelerate) นั้นอยู่ในแผนงานที่พรรคเตรียมไว้อยู่แล้ว และพร้อมจะทำงานร่วมกับภาคเอกชนเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลง ซึ่งทางด้านสมาคมก็เห็นด้วยและขานรับในหลายประเด็น พร้อมแลกเปลี่ยนข้อเสนอกับพรรคเพื่อไทยในครั้งนี้ โดยนายธนวิชญ์ได้ขอบคุณพรรคเพื่อไทยที่ให้ความสำคัญกับวงการสตาร์ทอัพไทย และข้อเสนอต่างๆ ที่ได้นำเสนอในวันนี้
สำหรับการหารือครั้งนี้มีผู้แทนพรรคเพื่อไทยเข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง ได้แก่ นายจักรพงษ์ แสงมณี รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย, นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย, นายพงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย, นายฐิติพงศ์ เขียวไพศาล ที่ปรึกษารองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย, นายฉัตริน จันทร์หอม ผู้สมัคร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และ นายสุทธิเกียรติ วีระกิจพานิช ผู้สมัคร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย

