เมื่อสายลมหนาวพัดผ่านผืนป่าดิบ กล้วยไม้ดินสีขาวนวลอย่าง “ขาวมะลิลา” จะผลิดอกอวดโฉมอย่างเงียบงาม บอกเล่าเรื่องราวความหลากหลายทางชีวภาพที่นักวิจัยอยากชวนคนไทยทำความรู้จักและร่วมกันหวงแหน

ขาวมะลิลา กล้วยไม้ป่าอวดความงามในฤดูหนาว
ในห้วงฤดูหนาวของผืนป่าภาคใต้ มีดอกไม้ป่าชนิดหนึ่งที่เบ่งบานอย่างสงบ งดงาม และเปี่ยมเสน่ห์เฉพาะตัว “ขาวมะลิลา” (Calanthe vestita Wall. ex Lindl.) กล้วยไม้ป่าที่นักวิจัยจากศูนย์วิจัยและพัฒนานวัตกรรมอุทยานแห่งชาติ จังหวัดสุราษฎร์ธานี อยากชวนให้สาธารณชนได้รู้จักมากขึ้น
ขาวมะลิลาเป็นกล้วยไม้ดิน พบการสำรวจในประเทศไทยที่อุทยานแห่งชาติน้ำตกหงาว จังหวัดระนอง เจริญเติบโตได้ดีตั้งแต่พื้นที่ระดับน้ำทะเลไปจนถึงความสูงราว 1,000 เมตร สามารถปรับตัวอยู่ได้ทั้งในสภาพอากาศร้อนจนถึงอบอุ่น สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของพืชป่าที่ซ่อนตัวอยู่ใต้ร่มเงาธรรมชาติ

ลำลูกกล้วยมีลักษณะกลมรี สีเทาอมเขียวอ่อน ใบมีจำนวน 1–4 ใบ รูปใบหอกถึงรูปไข่ ปลายใบแหลม ช่อดอกเป็นแบบหลวม โน้มลงอย่างอ่อนช้อย มีขนอ่อนปกคลุม แกนช่อดอกยาวประมาณ 16–30 เซนติเมตร และให้ดอกตั้งแต่ 5–15 ดอกต่อช่อ
ดอกขาวมะลิลาโดดเด่นด้วยสีขาวหรือครีมนวล เส้นผ่านศูนย์กลางดอกใหญ่ได้ถึง 5.5 เซนติเมตร โคนกลีบปากมักแต้มด้วยจุดสีเหลืองหรือแดงอย่างแผ่วเบา กลีบเลี้ยงและกลีบดอกมีขนปกคลุมด้านนอก เพิ่มมิติความงามแบบธรรมชาติ กลีบปากแยกเป็น 3 แฉก มีสันตามยาว 3 สัน และมีเดือยทรงกระบอกโค้งไปด้านหน้าอย่างชัดเจน ซึ่งเป็นเอกลักษณ์สำคัญของกล้วยไม้ชนิดนี้

ขาวมะลิลาไม่ได้พบเฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น แต่ยังกระจายพันธุ์ในเมียนมา เวียดนาม มาเลเซีย สุมาตรา บอร์เนียว และสุลาเวสี โดยในประเทศไทยมักพบตามป่าดิบแล้งและป่าเขาหินปูน ออกดอกในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงกุมภาพันธ์ นับเป็นช่วงเวลาที่นักเดินป่าและนักธรรมชาติวิทยามีโอกาสได้ชื่นชมความงามอย่างใกล้ชิด
กล้วยไม้ป่าอย่างขาวมะลิลา ไม่ได้เป็นเพียงพืชสวยงาม แต่ยังเป็นตัวแทนของความอุดมสมบูรณ์และความหลากหลายทางชีวภาพ การเรียนรู้และตระหนักถึงคุณค่าของพืชป่าเหล่านี้ คืออีกหนึ่งก้าวสำคัญในการร่วมกันอนุรักษ์ผืนป่าไทยให้คงความงดงามต่อไปในอนาคต
ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก ศูนย์วิจัยและพัฒนานวัตกรรมอุทยานแห่งชาติ จังหวัดสุราษฎร์ธานี

