กรุงเทพฯ, วันที่ 23 ธ.ค. – นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม (รมว.อก.) เปิดเผยว่า กระทรวงอุตสาหกรรมได้ทบทวนมาตรการช่วยเหลือ เยียวยา และฟื้นฟูผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรม กรณีประสบอุทกภัยเพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน ผู้ประกอบการที่ประสบอุทกภัยสามารถติดต่อมาที่กระทรวง, สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัด หรือธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทยได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ทั้งนี้ ศูนย์ CMC กระทรวงอุตสาหกรรมได้รายงานผลกระทบจากเหตุการณ์อุทกภัยในภาคใต้ตอนล่าง ประมาณการมูลค่าความเสียหาย 1,677 ล้านบาท เป็นผู้ประกอบการโรงงาน 1,186 ราย ผู้ประกอบการเหมืองแร่ 12 ราย ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี123 ราย และผู้ประกอบการวิสาหกิจชุมชน 60 ราย ตลอดจนอาคารสำนักงานและบ้านพักเสียหาย 6 หน่วยงาน
ด้านนายณัฐพล รังสิตพล ปลัด อก. กล่าวว่า การปรับมาตรการครั้งนี้เพื่อให้ผู้ประสบอุทกภัยได้รับการดูแลตั้งแต่ในระยะแรก ทั้งการมอบถุงยังชีพ ถุง มอก. บรรจุปลั๊กพ่วงและเพาเวอร์แบงค์ การใช้พื้นที่นิคมอุตสาหกรรมและศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาค 11 เป็นศูนย์พักพิงสำหรับประชาชนผู้ประสบภัย โดยบริการน้ำ ไฟฟ้า และอาหาร การสนับสนุนเครื่องมือและวัสดุให้กับหน่วยงานท้องถิ่นเพื่อนำไปช่วยเหลือประชาชนอย่างเร่งด่วน

ภายหลังจากน้ำลด กระทรวงฯ ยังร่วมมือกับหน่วยงานพันธมิตร เปิดคลินิกตรวจสภาพรถยนต์ เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องรถจักรยานยนต์ รวมทั้งซ่อมอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าฟรี ด้านผู้ประกอบการได้ออกมาตรการทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว โดยเฉพาะการลดปัญหาด้านการเงินด้วยการพักชำระหนี้ ปรับปรุงโครงสร้างหนี้ มีบริการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำทั้งลูกค้ารายเดิม และลูกค้ารายใหม่ รวมถึงการช่วยฟื้นฟูเครื่องจักรและกระบวนการการผลิต วางแผนทางการตลาด เพื่อให้ผู้ประกอบการไม่รู้สึกโดดเดี่ยวและกลับมายืนด้วยตัวเองได้อย่างเข้มแข็ง
ทั้งนี้กระทรวงอุตสาหกรรม ได้ออกมาตรการเพื่อดูแลประชาชนและผู้ประกอบการที่ประสบอุทกภัยครบทุกมิติ แบ่งเป็น 3 ระยะ ได้แก่ 1. มาตรการระยะสั้น โดยร่วมมือกับภาครัฐ เอกชน และสถานประกอบการทั่วประเทศ ดำเนินการ 2 แนวทาง คือ 1) การช่วยเหลือเร่งด่วน ผ่านกิจกรรม “อุตสาหกรรมรวมใจ ช่วยพี่น้องชาวไทย” มอบถุงยังชีพ น้ำดื่ม ยา และสิ่งของจำเป็นเบื้องต้นกว่า 7,000 ชุด ตลอดจนจัดหาอุปกรณ์ช่วยเหลือ เช่น พาหนะสำหรับขนย้าย สื่อสารและเผยแพร่ข้อมูลสำหรับโรงงานเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติเมื่อเกิดอุทกภัย และ 2) การจัดตั้งศูนย์อุตสาหกรรมรวมใจ คือ สำนักงานนิคมอุตสาหกรรมภาคใต้ นิคมอุตสาหกรรมสงขลา และศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาค 11 เพื่อเป็นศูนย์กระจายความช่วยเหลือ และศูนย์พักพิงชั่วคราวรับรองผู้ประสบภัย

2. มาตรการระยะกลาง ได้แก่ 1) การเยียวยาผู้ประกอบการ ช่วยซ่อมแซมเครื่องจักร และอาคาร พร้อมยกเว้นค่าธรรมเนียมรายปี และค่าธรรมเนียมต่ออายุใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน ลดค่าธรรมเนียมตรวจประเมินและรับรอง การฝึกอบรมและการทดสอบ เป็นรายกรณี 2) การเยียวยาประชาชน ด้วยการมอบอุปกรณ์ไฟฟ้า ตรา มอก. 500 ชิ้น ตรวจสภาพรถยนต์ฟรี เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง จยย.1,000 ลิตร ซ่อมแซมเครื่องใช้ไฟฟ้า 3) การสนับสนุนทางการเงิน กองทุนพัฒนาเอสเอ็มอี พักชำระหนี้เงินต้น 3 เดือน ปรับปรุงโครงสร้างหนี้ให้กับลูกหนี้สินเชื่อ, กองทุน DIPROM PAY พักหนี้-ดีพร้อมทั้งต้น-ดอกเบี้ย สูงสุด 4 เดือน ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย พักชำระหนี้เงินต้น-ดอกเบี้ยไม่เกิน 12 เดือน และมาตรการเติมทุนฉุกเฉินเพื่อซ่อมแซมฟื้นฟูกิจการ วงเงินกู้ 10% ของวงเงินเดิม สูงสุดไม่เกิน 200,000 บาท
3. มาตรการระยะยาว (1) วางแผนฟื้นฟูผ่านศูนย์ DIPROM Center ในพื้นที่ส่วนภูมิภาค จัดกิจกรรมช่วยเหลือ แนะนำในการปรับปรุงซ่อมแซม ฟื้นฟูเครื่องจักร ปรับปรุงกระบวนการผลิตให้กลับมาดำเนินการได้ (2) กองทุน DIPROM PAY ออกมาตรการให้ลูกหนี้รายใหม่ขอสินเชื่อ “เงินง่าย ฟื้นใต้ ช่วยภัยพิบัติ” วงเงินรายละไม่เกิน 5 แสนบาท ดอกเบี้ย 0 % 6 เดือนแรก และ (3) สนับสนุนการกำจัดของเสียภายในโรงงานที่ได้รับความเสียหาย ส่งเสริมและพัฒนาทักษะต่างๆ ในการประกอบอาชีพ เพื่อให้เกิดรายได้และลดรายจ่าย และส่งเสริมการตลาด โดยจับมือกับเครือข่ายของกระทรวงอุตสาหกรรม เสนอผลิตภัณฑ์ SME เข้าสู่ช่องทางการตลาดทั้งรูปแบบ Online และ Offline เพื่อความยั่งยืน

