กสทช.ยอมรับ “โดรน” เสี่ยงกระทบความมั่นคง ยึดของกลางกว่า 2,500 ลำ รอฝ่ายความมั่นคงขยายผล ยังไม่ชัดใช้ไทยเป็นทางผ่าน

103

กสทช.รับโดรนสามารถนำไปใช้ได้หลากหลายกิจกรรม รวมถึงด้านความมั่นคง หลังบุกตรวจยึดโดรนกว่า 2,500 ลำ ในโกดังไร้ใบอนุญาต จ.ปทุมธานี ชี้เป็นอากาศยานไร้คนขับที่ต้องควบคุมเข้ม รอฝ่ายความมั่นคงพิสูจน์ข้อเท็จจริง ขยายผล ยังไม่ยืนยันใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่านขบวนการผิดกฎหมาย

วันที่​23​ ธันวาคม​ 2568​ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ยอมรับว่า “โดรน” หรืออากาศยานไร้คนขับ เป็นอุปกรณ์ที่สามารถนำไปใช้ได้ในหลายกิจกรรม ทั้งเชิงพาณิชย์ การเกษตร การข่าว รวมถึงด้านความมั่นคง ซึ่งจำเป็นต้องมีการควบคุมอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะในสถานการณ์ปัจจุบันที่หลายประเทศนำโดรนไปดัดแปลงใช้ทางการทหาร

พล.ต.อ.ณัฐธร เพราะสุนทร กรรมการ กสทช. ด้านกฎหมาย หรือ กสมช. ฝ่ายกฎหมาย เปิดเผยกับทีมข่าว ภายหลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน กสทช. เข้าตรวจยึดโดรนกว่า 2,500 ลำ ภายในโกดังแห่งหนึ่งในอำเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2568 ที่ผ่านมา ว่า การดำเนินการดังกล่าวเป็นไปตามหน้าที่ของ กสทช. ในการตรวจสอบการประกอบกิจการจำหน่ายโดรน ซึ่งพบว่าโกดังดังกล่าวเป็นของร้านค้าที่ไม่มีใบอนุญาตถูกต้องตามกฎหมาย จึงเข้าดำเนินการตรวจยึดของกลางทั้งหมด

พล.ต.อ.ณัฐธร ระบุว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีร้านค้าภาคเอกชนที่ได้รับใบอนุญาตจาก กสทช. ให้จำหน่ายโดรนอย่างถูกต้องตามกฎหมายจำนวน 73 ร้าน ส่วนการนำโดรนขึ้นบิน ผู้ใช้งานจะต้องขอใบอนุญาตจากสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย ซึ่งเปรียบเสมือน “ใบขับขี่” ของผู้บังคับอากาศยานไร้คนขับ เนื่องจากโดรนถือเป็นอากาศยานที่มีศักยภาพสูง และอาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อความปลอดภัยได้หากนำไปใช้ในทางที่ผิด

“โดรนไม่ใช่แค่ของเล่น แต่เป็นอากาศยานไร้คนขับที่มีประสิทธิภาพสูง สามารถนำไปใช้ได้หลากหลายด้าน ทั้งการข่าว การเกษตร และด้านความมั่นคง หน่วยงานรัฐจึงจำเป็นต้องควบคุมอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะเมื่อมีตัวอย่างในต่างประเทศ เช่น ยูเครนและรัสเซีย ที่นำโดรนไปดัดแปลงใช้ในทางการทหาร ส่งผลกระทบต่อประชาชนและทรัพย์สินจำนวนมาก” พล.ต.อ.ณัฐธร กล่าว

สำหรับโดรนกว่า 2,500 ลำ ที่ตรวจยึดได้ในจังหวัดปทุมธานี ขั้นตอนหลังจากนี้จะเป็นหน้าที่ของฝ่ายความมั่นคงในการพิสูจน์ทราบและขยายผลการสืบสวนสอบสวน เพื่อดูว่ามีการเชื่อมโยงไปสู่การกระทำผิดอื่นหรือไม่ โดยยอมรับว่ามีความเป็นไปได้ที่จะเกิดปัญหาตามมา เนื่องจากโดรนสามารถนำไปใช้ได้ในหลายกิจกรรม รวมถึงด้านความมั่นคง

ส่วนประเด็นที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าอาจใช้ประเทศไทยเป็น “ทางผ่าน” ในขบวนการนำโดรนไปใช้ในทางที่ไม่เหมาะสมนั้น พล.ต.อ.ณัฐธร ยืนยันว่า กสทช. มีการกวดขันตรวจสอบและจับกุมอย่างต่อเนื่อง เพราะไม่ต้องการให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยกับต่างประเทศที่มีการนำโดรนไปใช้ก่อเหตุรุนแรง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่ามีการใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่านหรือไม่ ต้องรอผลการสืบสวนขยายผลของเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงให้ชัดเจนก่อน

นอกจากนี้ กรณีที่กองบัญชาการตำรวจนครบาลเข้าจับกุมผู้ลักลอบบินโดรนและตรวจยึดของกลางเพิ่มเติมอีก 10 ลำ เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา ทาง กสทช. ยอมรับว่า หนึ่งในผู้ต้องหาเคยถูก กสทช. เข้าตรวจค้นและจับกุมในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2561 และมีความเชื่อมโยงกับกลุ่มที่ตำรวจนครบาลจับกุมได้ในครั้งนี้

พล.ต.อ.ณัฐธร กล่าวย้ำว่า หากผลการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจและฝ่ายความมั่นคงพบว่ามีการนำโดรนไปใช้ในทางที่ไม่ถูกต้องหรือเข้าข่ายกระทบต่อความมั่นคง กสทช. จะดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษเพิ่มเติม เพื่อเอาผิดกับกลุ่มผู้ต้องหาตามกฎหมายอย่างถึงที่สุด