จากกรณีนายไพโรจน์ เทศนิยม นายกสมาคมผู้สื่อข่าวและช่างภาพอาชญากรรม แห่งประเทศไทย ได้ออกมาเรียกร้องให้ทางผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ดำเนินการตรวจสอบ การปฎิบัติหน้าที่ของผู้ใต้บังคับบัญชาคือ ร้อยตำรวจเอก ไตรภพ มงคลสุจริตกุล รองสารวัตรจราจร สถานีตำรวจนครบาลบางยี่ขัน (รองสว.จร.สน.บางยี่ขัน) พร้อมพวก ในข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ทำร้ายร่างกาย นายสาโรจน์ บุณญะเสน อายุ 26 ปี ผู้สื่อข่าวสังกัดเว็ปไชต์ “ข่าวเจาะลึกทันเหตุการณ์ออนไลน์” และเป็นสมาชิกสมาคมผู้สื่อข่าวฯ ได้รับบาดเจ็บ โดยใช้กำลังบังคับจับกุมใส่กุญแจมือจนปากแตกบนโรงพัก และทำให้ทรัพย์สินเสียหาย โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 05.00 น.ของวันที่ 27 ธ.ค.61 ที่ผ่านมา ว่ากรณีดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจลุแก่อำนาจไปหรือเปล่า ตามที่เสนอเป็นข่าวไปแล้วนั้น
สำหรับความคืบหน้า เมื่อเวลา 15.00 น.ของวันนี้ วันจันทร์ที่ 7 ม.ค.62 นายสาโรจน์ บุณญะเสน อายุ 26 ปี ผู้สื่อข่าวสังกัดเว็ปไชต์ “ข่าวเจาะลึกทันเหตุการณ์ออนไลน์” พร้อมด้วยนายกันตเมธส์ จโนภาส หรือทนายโอม ซึ่งเป็นทนายความประจำสมาคมฯ ได้เข้าพบ พันตำรวจโท พัฒนพงษ์ วิฤทธิ์เตชะ รองผู้กำกับการสอบสวน สถานีตำรวจนครบาลบางยี่ขัน (รองผกก.สอบสวน สน.บางยี่ขัน) เพื่อแจ้งความดำเนินคดีและขอความเป็นธรรมให้กับตัวเองกรณีดังกล่าว
ทางนายโอมฯ กล่าวว่า วันนี้ผมในฐานะทนายความประจำสมาคมฯ ที่ได้รับมอบอำนาจจากนายไพโรจน์ เทศนิยม นายกสมาคมผู้สื่อข่าวและช่างภาพอาชญากรรม แห่งประเทศไทย พานายสาโรจน์ฯ ที่ขนาดเป็นสื่อมวลชนยังถูกรังแกขนาดนี้ แต่ถ้าเป็นประชาชนธรรมดาจะเป็นอย่างไร ในข้อที่ติดใจคือว่าทำไมดำเนินคดีแค่เพียงประชาชน เมื่อพบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจขณะปฏิบัติหน้าที่อยู่ในเครื่องแบบมีกลิ่นแอกกอฮอล์ ทำไมถึงดำเนินคดีเฉพาะประชาชน ทำไมไม่ดำเนินคดีกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยกันเอง ในส่วนตัวผู้เสียหายยอมรับผิดพร้อมถูกดำเนินคดีเป็นที่เรียบร้อยไปแล้ว
ในวันนี้ที่มาแจ้งความร้องทุกข์ ก็เพื่อเรียกร้องขอความเป็นธรรม เพราะทุกคนต้องเสมอภาคกันตามกฎหมายแห่งราชอาณาจักรไทย เบื้องต้นแจ้งความในข้อหา
1.เรื่องปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 157
2.เรื่องการเอาไปซึ่งเอกสารสิทธิ์ (บัตรประจำตัวผู้สื่อข่าว)
3.เรื่องโดนเจ้าหน้าที่ตำรวจทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บ ซึ่งทางผู้เสียหายจะขอเอาเรื่องให้ถึงที่สุด
ทางด้าน พ.ต.ท.พัฒนพงษ์ฯ กล่าวว่า เบื้องต้นได้รับเรื่องเอาไว้แล้ว ซึ่งก็จะดำเนินการตามกฎหมาย พร้อมทั้งให้ความเป็นธรรมกับทั้ง 2 ฝ่าย แต่อย่างไรก็ตามจะต้องทำการสอบปากคำ และรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด ไว้เป็นหลักฐานในการดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป