ตำรวจสอบสวนกลางตามรวบสาววัย 26 ปี เจ้าของบัญชีม้า ถูกใช้เป็นทางผ่านขบวนการหลอกลวงออนไลน์หลายคดี เจ้าตัวอ้างถูกแม่ค้าตีสนิทหลอกยืมบัญชี ก่อนหายเงียบ ทิ้งภาระคดีอาชญากรรมไซเบอร์มูลค่าความเสียหายนับล้านบาท
ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดยกองบังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) จับกุม นางสาวนิชาภา อายุ 26 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดศรีสะเกษ ที่ จ855/2568 ลงวันที่ 29 กันยายน 2568 ในความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน” ได้บริเวณสถานีรถไฟหัวหิน ตำบลหัวหิน อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
การจับกุมครั้งนี้อยู่ภายใต้การอำนวยการของผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และกองบังคับการตำรวจทางหลวง หลังเจ้าหน้าที่สืบทราบว่าผู้ต้องหาซึ่งหลบหนีหมายจับ จะเดินทางมาปรากฏตัวที่สถานีรถไฟหัวหิน จึงวางแผนเข้าจับกุม กระทั่งพบหญิงมีตำหนิรูปพรรณตรงตามหมายจับ ตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นบุคคลเดียวกันจริง จึงแจ้งข้อกล่าวหาและควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองศรีสะเกษ ดำเนินคดีตามกฎหมาย
จากการสอบสวน พฤติการณ์คดีระบุว่า เมื่อช่วงต้นปี 2567 ผู้ต้องหาได้รู้จักหญิงรายหนึ่งชื่อ “กิ๊ก” ซึ่งเป็นแม่ค้าขายอาหารทะเลในตลาดนัด จากการซื้อขายและพูดคุยกันเป็นประจำจนเกิดความสนิทสนม ต่อมา “กิ๊ก” อ้างว่าทะเลาะกับสามี ถูกทำร้ายร่างกายและถูกยึดโทรศัพท์ ไม่สามารถทำธุรกรรมทางการเงินได้ จึงขอยืมบัญชีธนาคารของผู้ต้องหาเป็นเวลา 3 วัน
ทั้งนี้ มีการตั้งกลุ่มแชทที่มีสมาชิก 3 คน คือ ผู้ต้องหา นางกิ๊ก และชายอีกหนึ่งคนไม่ทราบชื่อ ซึ่งเป็นผู้แนะนำขั้นตอนการเปิดบัญชีผ่านระบบออนไลน์ หลังให้ยืมบัญชีไปในช่วงแรกยังไม่พบความผิดปกติ แต่ผ่านไปประมาณ 10 วัน ผู้ต้องหาไม่สามารถติดต่อ “กิ๊ก” ได้อีก และกลุ่มแชทถูกยกเลิก
ต่อมาอีกประมาณ 5–6 เดือน ผู้ต้องหาไปทำธุรกรรมที่ธนาคารออมสิน สาขาอำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา แต่พบว่าบัญชีถูกอายัด เมื่อติดต่อสอบถามจึงทราบว่าบัญชีของตนถูกนำไปใช้เกี่ยวข้องกับคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหลายคดี ทำให้เชื่อว่าตนตกเป็นเหยื่อของขบวนการหลอกลวง
จากการตรวจสอบประวัติ พบว่าผู้ต้องหามีคดีในลักษณะเดียวกันในหลายพื้นที่ อาทิ คดีของกองบังคับการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 2 มูลค่าความเสียหายรวมหลายล้านบาท
,คดี สภ.สารภี จ.เชียงใหม่ มูลค่าความเสียหาย 30,000 บาท, คดี สภ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม มูลค่าความเสียหาย 22,400 บาท มีการผ่อนชำระค่าเสียหายและคดี สภ.เมืองศรีสะเกษ มูลค่าความเสียหายประมาณ 90,000 บาท ซึ่งเป็นคดีตามหมายจับครั้งนี้
ด้านตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ฝากเตือนประชาชน อย่าหลงเชื่อหรือยินยอมให้ผู้อื่นยืมบัญชีธนาคารไม่ว่าด้วยเหตุผลใด เนื่องจากบัญชีอาจถูกนำไปใช้ก่ออาชญากรรมทางเทคโนโลยี เช่น หลอกลวงออนไลน์ ฟอกเงิน หรือโอนเงินผิดกฎหมาย ซึ่งเจ้าของบัญชีอาจต้องตกเป็นผู้ต้องหาและเผชิญคดีอาญาโดยไม่รู้ตัว
