เลขาธิการ ป.ป.ส. ให้การต้อนรับคณะผู้แทน DEA สหรัฐฯ หารือยกระดับความร่วมมือปราบปรามยาเสพติด แลกเปลี่ยนข่าวกรอง เทคโนโลยี และการฝึกอบรม พร้อมเดินหน้ากลไก “No Chemical, No Drugs” หลังสกัดสารตั้งต้นกว่า 40 ตัน และเตรียมเป็นเจ้าภาพร่วมประชุม Regional IDEC ปี 2569 ที่เชียงราย ครอบคลุมภัยยาเสพติด–อาชญากรรมออนไลน์ข้ามชาติอย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืน

เมื่อวันพุธที่ 17 ธันวาคม 2568 ที่ผ่านมา พันตำรวจตรี สุริยา สิงหกมล เลขาธิการ ป.ป.ส. เป็นประธานให้การต้อนรับและหารือข้อราชการกับคณะผู้แทนจากสำนักงานปราบปรามยาเสพติด สหรัฐอเมริกา (Drug Enforcement Administration: DEA) นำโดยนายแมททิว เค. กอมม์ (Mr. Matthew K. Gomm) ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สำนักงานประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก นายเจสซี อี โอดัม (Mr.Jesse E. Odum) ผู้ช่วยทูตด้านปราบปรามยาเสพติด DEA และคณะเจ้าหน้าที่ DEA โดยมีนายคณิศร ภาพีรนนท์ ผู้อำนวยการสำนักปราบปรามยาเสพติด ผู้แทนจากสำนักการต่างประเทศ และสำนักปราบปรามยาเสพติด ร่วมให้การต้อนรับ ณ ห้องรับรอง เภา สารสิน อาคาร 1 ชั้น 2 สำนักงาน ป.ป.ส.
ในการนี้ นายแมททิว ได้กล่าวขอบคุณ เลขาธิการ ป.ป.ส. ที่อนุญาตให้คณะผู้แทน DEA เข้าพบในวันนี้ และขอบคุณในความร่วมมือด้านยาเสพติดระหว่างสองหน่วยงานที่มีมาอย่างยาวนานและเข้มแข็ง รวมถึงขอบคุณที่ให้การสนับสนุนการดำเนินงานของเจ้าหน้าที่ DEA เป็นอย่างดีเสมอมา พร้อมทั้งแจ้งให้ทราบถึงการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารและผู้ประสานงานของ DEA ในระยะเวลาอันใกล้ โดยในสิ้นเดือนธันวาคมนี้ นายจอห์น พี. สก็อต (Mr. John P. Scott) ผู้อำนวยการ สำนักงานประจำภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิค จะหมดวาระการปฏิบัติงานในภูมิภาคฯ และนายเดวิด คิง (Mr. David King) ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สำนักงานประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก จะขึ้นรับตำแหน่งแทน รวมถึงในอีกหกเดือน นายมาร์ค แลงก์ (Mr. Mark Laing) เจ้าหน้าที่สืบสวนพิเศษจะหมดวาระการปฏิบัติหน้าที่ ณ ประเทศไทยเช่นกัน พร้อมกันนี้ฝ่าย DEA ได้เชิญให้สำนักงาน ป.ป.ส. ร่วมเป็นเจ้าภาพในการจัดการประชุม Regional International Drug Enforcement Conference (Regional IDEC) ร่วมกับ DEA และกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) ในระหว่างวันที่ 30 มีนาคม – 3 เมษายน 2569 ณ จังหวัดเชียงราย ซึ่งการประชุมดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวกรอง ไม่เพียงเฉพาะด้านยาเสพติดเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมถึงอาชญากรรมข้ามชาติรูปแบบอื่น อาทิ อาชญากรรมทางออนไลน์และขบวนการหลอกลวง (Scammer) โดยขอเชิญผู้แทนจากสำนักงาน ป.ป.ส. เข้าร่วมการประชุมฯ และขอรับการสนับสนุนการจัดการศึกษาดูงานพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำและหอฝิ่น จังหวัดเชียงราย

ทั้งนี้เลขาธิการ ป.ป.ส. ได้กล่าวต้อนรับคณะผู้แทน DEA และแสดงความขอบคุณในความร่วมมือและการสนับสนุนในด้านต่าง ๆ ทั้งด้านการปฏิบัติการ ด้านวิชาการ และการฝึกอบรม จากรัฐบาลสหรัฐอเมริกาและ DEA ที่มีต่อประเทศไทยมาอย่างต่อเนื่องยาวนานกว่า 40 ปี พร้อมทั้งกล่าวชื่นชมแนวความคิดและองค์ความรู้ที่ได้จากการแลกเปลี่ยนร่วมกันระหว่างสองหน่วยงาน ซึ่งได้นำไปสู่การพัฒนาแนวทางการดำเนินงานด้านการแก้ไขปัญหายาเสพติดของประเทศไทยอย่างเป็นรูปธรรม อาทิ การจัดตั้งคณะกรรมการควบคุมและสกัดกั้นสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ที่ใช้ในการผลิตยาเสพติด และการขับเคลื่อนปฏิบัติการภายใต้แนวคิด No Chemical, No Drugs ซึ่งตั้งแต่เดือนตุลาคมที่ผ่านมา ได้มีการเปิดปฏิบัติการที่เกี่ยวข้องแล้วจำนวน 2 ครั้ง สามารถสกัดกั้นและยึดสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ได้มากกว่า 40 ตัน นอกจากนี้ สำนักงาน ป.ป.ส. อยู่ระหว่างการจัดตั้งคณะทำงานสืบสวนและปราบปรามการค้ายาเสพติดผ่านสื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งฝ่ายไทยพร้อมที่จะดำเนินงานร่วมกับ DEA อย่างใกล้ชิดในทั้งสองประเด็นดังกล่าวต่อไป
สำหรับการจัดการประชุม Regional IDEC สำนักงาน ป.ป.ส. ยินดีให้การสนับสนุน DEA ในการเป็นเจ้าภาพร่วม การจัดกิจกรรมศึกษาดูงานพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำและหอฝิ่น รวมถึงการเข้าร่วมการประชุมตามที่ฝ่าย DEA เสนอ ในโอกาสเดียวกัน นายคณิศร ผู้อำนวยการสำนักปราบปรามยาเสพติดได้ส่งมอบรายการสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ต้องสงสัย (List of Red Flag) ให้กับคณะผู้แทน DEA เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการเฝ้าระวังและแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวกรองร่วมกันต่อไป

นายแมททิว เค. กอมม์ ได้กล่าวเสริมถึงความสำเร็จของการดำเนินงานร่วมกันระหว่างสำนักงาน ป.ป.ส. และ DEA โดยเฉพาะการสกัดกั้นยาเสพติดในพื้นที่ภาคเหนือ ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากการสนับสนุนเทคโนโลยีการตรวจจับป้ายทะเบียนยานพาหนะ (License Plate Recognition) จาก DEA ทั้งนี้ DEA ยืนยันความพร้อมในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวกรองเกี่ยวกับยาเสพติดและยาเสพติดชนิดใหม่ ตลอดจนการสนับสนุนเทคโนโลยีที่เป็นประโยชน์ต่อการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด รวมถึงการสนับสนุนการฝึกอบรมผ่านสถาบันการฝึกอบรมระหว่างประเทศ (International Law Enforcement Academy: ILEA) และการฝึกอบรมหลักสูตร Sensitive Investigative Unit (SIU) โดยในปีนี้ DEA มีแผนเพิ่มจำนวนผู้เข้ารับการฝึกอบรมจากประเทศไทยเพิ่มเติมอีก 10 ตำแหน่ง

โดยนายคณิศร ผู้อำนวยการสำนักปราบปรามยาเสพติด ได้กล่าวชื่นชมการฝึกอบรมหลักสูตร SIU ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการยกระดับขีดความสามารถด้านการสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่ไทย พร้อมทั้งขอให้ฝ่าย DEA พิจารณาเชิญเจ้าหน้าที่จากสำนักงาน ป.ป.ส. เข้าร่วมการฝึกอบรมดังกล่าว อันจะเป็นประโยชน์ต่อการเสริมสร้างความร่วมมือด้านการแก้ไขปัญหายาเสพติดในระดับภูมิภาคระหว่างทั้งสองประเทศต่อไป
ในห้วงท้าย เลขาธิการ ป.ป.ส. ได้ย้ำถึงความสำคัญของการหารือข้อราชการในระดับนโยบายดังเช่น ในวันนี้ซึ่งถือเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายและความร่วมมือด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดให้เกิดผลเป็นรูปธรรมและมีประสิทธิภาพอย่างยั่งยืน

