“เรดวิงส์”สมรภูมิลาดเขามรณะ 19 ชีวิตแลกภารกิจ หน่วยซีลสหรัฐฯ กับตำนานผู้รอดเพียงหนึ่งเดียว

165

ปฏิบัติการลับกลางหุบเขาอัฟกานิสถาน พลิกเป็นโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ของหน่วยซีล สังเวยชีวิต 19 นาย ก่อนโลกจดจำชื่อ “Lone Survivor”

ปฏิบัติการเรดวิงส์ (Operation Red Wings) หรือที่รู้จักกันอย่างไม่เป็นทางการในชื่อ “การรบแห่งอับบาสการ์” เป็นปฏิบัติการทางทหารร่วมของสหรัฐอเมริกาที่เกิดขึ้นในเขตพีช จังหวัดคูนาร์ ประเทศอัฟกานิสถาน ในช่วงปลายเดือนมิถุนายนถึงกลางเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2005 โดยมีสมรภูมิหลักอยู่บนลาดเขา “ซาโวทาโล ซาร์” ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากเมืองอาซาดาบัดไปทางทิศตะวันตกประมาณ 32 กิโลเมตร

วัตถุประสงค์หลักของปฏิบัติการนี้คือการทำลายวงจรและขัดขวางกิจกรรมของกลุ่มอาหมัด ชาห์ ซึ่งเป็นกลุ่มติดอาวุธต่อต้านกองกำลังผสมที่มีความเชื่อมโยงกับตาลีบัน เพื่อสร้างเสถียรภาพในพื้นที่ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งรัฐสภาอัฟกานิสถานในเดือนกันยายน 2005 โดยอาหมัด ชาห์ ผู้นำกลุ่มจากจังหวัดนันกาฮาร์ เป็นเป้าหมายสำคัญเนื่องจากเขากำลังสร้างอิทธิพลอย่างกว้างขวางในหมู่กลุ่มเคร่งศาสนาหัวรุนแรง

แผนปฏิบัติการถูกออกแบบโดยกองพันที่ 2 กรมนาวิกโยธินที่ 3 (2/3) โดยใช้โมเดลการรบจากหน่วยพี่น้องที่เคยปฏิบัติภารกิจก่อนหน้า ภารกิจเริ่มต้นด้วยการใช้หน่วยรบพิเศษระดับสูง ทั้งจากหน่วยซีล (Navy SEALs) และหน่วยบินเฉพาะกิจที่ 160 (160th SOAR) เพื่อเปิดฉากการแทรกซึมเข้าสู่พื้นที่เป้าหมาย

ในระยะเริ่มต้น ทีมหน่วยซีลจำนวน 4 นาย ประกอบด้วย ร.ท.ไมเคิล เมอร์ฟี, มาร์คัส ลูเทรล, แดนนี่ ดีทซ์ และแมทธิว แอ็กเซลสัน ได้รับมอบหมายให้ทำการลาดตระเวนและเฝ้าตรวจอาคารที่คาดว่าเป็นที่ซ่อนตัวของอาหมัด ชาห์ พวกเขาแทรกซึมเข้าสู่พื้นที่ด้วยการโรยตัวจากเฮลิคอปเตอร์ MH-47 Chinook แต่เพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากนั้น พวกเขากลับถูกกลุ่มของอาหมัด ชาห์ ล้อมโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัว
.
การสู้รบดำเนินไปอย่างดุเดือดบนแนวสันเขาซาโวทาโล ซาร์ ซึ่งมีความสูงกว่า 2,830 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล หน่วยซีลทั้ง 4 นายพยายามต่อสู้อย่างสุดกำลังท่ามกลางภูมิประเทศที่เป็นหินชันและหน้าผา จนกระทั่งสมาชิกในทีม 3 นายเสียชีวิตในการรบครั้งนั้น เหลือเพียงมาร์คัส ลูเทรล ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสและพยายามหนีลงจากเขา

สถานการณ์เลวร้ายยิ่งขึ้นเมื่อกองหนุนตอบโต้เร็ว (QRF) ส่งเฮลิคอปเตอร์ 2 ลำเข้าช่วยเหลือ แต่หนึ่งในนั้นถูกยิงตกด้วยจรวด RPG-7 จากฝีมือของกลุ่มอาหมัด ชาห์ ส่งผลให้เจ้าหน้าที่หน่วยซีล 8 นาย และเจ้าหน้าที่หน่วยบินพิเศษอีก 8 นายบนเครื่องเสียชีวิตทั้งหมด รวมยอดการสูญเสียครั้งใหญ่นี้ถึง 19 นาย
.
ปฏิบัติการจึงเข้าสู่ระยะที่สองในชื่อ “เรดวิงส์ 2” (Red Wings II) ซึ่งกินเวลานานกว่า 3 สัปดาห์ เพื่อติดตามกู้ร่างของผู้พลีชีพและเร่งช่วยชีวิตมาร์คัส ลูเทรล สมาชิกคนเดียวที่รอดชีวิต ซึ่งในขณะนั้นเขาได้หนีลงไปทางทิศตะวันออกสู่หุบเขาชูรเยกเหนือหมู่บ้านซาลาร์ บาน
.
มาร์คัส ลูเทรล ได้พบกับ “โมฮัมหมัด กูลับ คาน” ชายชาวปาทานจากหมู่บ้านซาลาร์ บาน กูลับตัดสินใจรับมาร์คัสเข้าบ้านตามธรรมเนียมโบราณที่เรียกว่า “นานาวาไต” (Nanawatai) ซึ่งเป็นการมอบที่พักพิงและคุ้มครองแขกจากศัตรูอย่างถึงที่สุด กูลับยังได้ขอความร่วมมือจากเพื่อนบ้านคนอื่น ๆ ให้ช่วยกันปกป้องมาร์คัสจนกว่าจะติดต่อกองทัพสหรัฐฯ ได้
.
ปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ชาวบ้านให้ความช่วยเหลือมาร์คัส คือความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นระหว่างชาวบ้านกับสหรัฐฯ ก่อนหน้านี้ เนื่องจากมีการส่งหน่วยแพทย์เข้าไปดูแลและมีการสร้างโรงเรียนสตรีที่เมืองนันกาลัม กูลับเองก็เคยได้ทำความรู้จักกับผู้บังคับบัญชานาวิกโยธินสหรัฐฯ ในพื้นที่มาก่อน ความปรารถนาดีเหล่านี้จึงเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยรักษาชีวิตมาร์คัสไว้
.
อาหมัด ชาห์ ทราบดีว่าทหารอเมริกันที่บาดเจ็บต้องผ่านหมู่บ้านแห่งนี้ เขาจึงพยายามข่มขู่ชาวบ้านเพื่อตามหาตัวและบีบให้ส่งตัวมาร์คัสมาให้ แต่กูลับและชาวบ้านไม่ยอมก้มหัวให้ เนื่องจากชาห์รู้ดีว่าเขาไม่สามารถเสี่ยงทำสงครามกับชาวบ้านที่รวมตัวกันได้ เพราะกลุ่มของเขาจะมีกำลังน้อยกว่าทันที
.
มาร์คัสเขียนบันทึกขอความช่วยเหลือ และกูลับได้มอบเงิน 1,000 อัฟกานี หรือ 20 ดอลลาร์ในขณะนั้น ให้กับ “ชีนา” ชายอาวุโสในหมู่บ้านเพื่อให้เดินทางนำจดหมายไปส่งที่ฐานทัพอเมริกันในเมืองอาซาดาบัด ชีนาเดินทางผ่านเส้นทางทุรกันดารจนไปถึงฐานทัพที่นันกาลัมกลางดึก และแจ้งต่อผู้บัญชาการว่ามีทหารอเมริกันบาดเจ็บได้รับความช่วยเหลืออยู่ในหมู่บ้านของตน
.
ในที่สุด กองทัพสหรัฐฯ ได้ส่งกำลังเข้าสกัดกั้นและช่วยเหลือมาร์คัส ลูเทรล ออกมาได้สำเร็จ ส่วนกูลับและครอบครัวที่ถูกตาลีบันข่มขู่เอาชีวิตภายหลังเหตุการณ์ครั้งนั้น ก็ได้รับการช่วยเหลือให้ย้ายไปพำนักอยู่ในที่ปลอดภัยที่เมืองอาซาดาบัด
.
ผลลัพธ์ของปฏิบัติการเรดวิงส์ถือว่าบรรลุวัตถุประสงค์เพียงบางส่วน เนื่องจากอาหมัด ชาห์ สามารถถอยหนีไปกบดานและรวบรวมกำลังพลใหม่ในปากีสถาน พร้อมกับชื่อเสียงที่โด่งดังขึ้นจากการโจมตีทหารสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม ในเดือนสิงหาคมปีเดียวกัน กลุ่มของเขาก็ถูกทำลายลงใน “ปฏิบัติการวาเลอร์ส” (Operation Whalers) และท้ายที่สุดอาหมัด ชาห์ ก็ถูกทหารปากีสถานยิงเสียชีวิตระหว่างการปะทะในปี 2008
.
รายชื่อกำลังพลกองทัพสหรัฐฯ ผู้พลีชีพในปฏิบัติการเรดวิงส์เริ่มต้นด้วยสมาชิกหน่วยซีลจากทีมลาดตระเวน 4 นายที่เสียชีวิตระหว่างการถูกซุ่มโจมตีบนภูเขา ได้แก่ เรือโท ไมเคิล พี. เมอร์ฟี วัย 29 ปี จากเมืองแพตโชก รัฐนิวยอร์ก, จ่าโท แมทธิว แอ็กเซลสัน วัย 29 ปี จากเมืองคูเปอร์ติโน รัฐแคลิฟอร์เนีย และจ่าโท แดนนี่ ดีทซ์ วัย 25 ปี จากเมืองลิตเติลตัน รัฐโคโลราโด

นอกจากนี้ยังมีกำลังพลหน่วยซีลอีก 8 นายที่เสียชีวิตบนเฮลิคอปเตอร์ขณะเข้าช่วยเหลือ ได้แก่ พันจ่าเอกพิเศษ ฌาค เจ. ฟอนแทน วัย 36 ปี จากนิวออร์ลีนส์, พันจ่าเอกอาวุโส แดเนียล อาร์. ฮีลี วัย 36 ปี จากเอ็กซิเตอร์, นาวาตรี เอริก เอส. คริสเตนเซน วัย 33 ปี จากซานดิเอโก, จ่าเอก เจฟฟรีย์ เอ. ลูคัส วัย 33 ปี จากคอร์เบตต์, เรือโท ไมเคิล เอ็ม. แมคกรีวี จูเนียร์ วัย 30 ปี จากพอร์ตวิลล์, จ่าโท เจมส์ อี. ซู วัย 28 ปี จากเดียร์ฟิลด์บีช, จ่าเอก เจฟฟรีย์ เอส. เทย์เลอร์ วัย 30 ปี จากมิดเวย์ และจ่าโท เชน อี. แพตตัน วัย 22 ปี จากโบลเดอร์ซิตี้

ในส่วนของเจ้าหน้าที่จากหน่วยบินเฉพาะกิจที่ 160 กองทัพบกสหรัฐฯ ที่เสียชีวิตบนเฮลิคอปเตอร์ลำเดียวกันประกอบด้วย สิบเอกพิเศษ เชมัส โอ. กอร์ วัย 29 ปี จากแดนวิลล์, พันจ่าตรีอาวุโส คอรีย์ เจ. กู๊ดเนเจอร์ วัย 35 ปี จากคลาร์กส์โกรฟ, สิบเอก คิป เอ. จาโคบี วัย 21 ปี จากพอมพาโนบีช, จ่าสิบเอก มาร์คัส วี. มูรัลเลส วัย 33 ปี จากเชลบีวิลล์, พันจ่าโท เจมส์ ดับเบิลยู. พอนเดอร์ ที่ 3 วัย 36 ปี จากแฟรงคลิน, พันตรี สตีเฟน ซี. ไรช์ วัย 34 ปี จากวอชิงตันเดโป, จ่าสิบเอก ไมเคิล แอล. รัสเซลล์ วัย 31 ปี จากสแตฟฟอร์ด และพันจ่าตรีอาวุโส คริส เจ. เชอร์เคนบาค วัย 40 ปี จากแจ็กสันวิลล์

เรื่องราวนี้ถูกถ่ายทอดผ่านหนังสืออัตชีวประวัติของ มาร์คัส ลูเทรล ที่มีชื่อว่า “Lone Survivor The Eyewitness Account of Operation Red Wings and the Lost Heroes of SEAL Team 10” ซึ่งตีพิมพ์ในปี 2007 โดยเนื้อหาเป็นการเล่าเหตุการณ์จากมุมมองของประจักษ์พยานในปฏิบัติการเรดวิงส์และการสูญเสียเหล่าฮีโร่แห่งหน่วยซีลทีม 10

สำหรับในด้านภาพยนตร์ ได้มีการนำเนื้อหาจากหนังสือของลูเทรลมาสร้างเป็นภาพยนตร์สัญชาติอเมริกันเรื่อง “Lone Survivor” (หรือชื่อภาษาไทยคือ “ปฏิบัติการพิฆาตสมรภูมิเดือด”) ออกฉายในปี 2013 นำแสดงโดย มาร์ก วอห์ลเบิร์ก ซึ่งได้รับความนิยมและถ่ายทอดความสะเทือนใจของเหตุการณ์นี้สู่สายตาคนทั่วโลก

เรียบเรียง/แปลโดย : Army Military Force

https://www.facebook.com/share/p/14Qkfgd44cf/?mibextid=wwXIfr