กรุงเทพฯ วันที่ 13 ธ.ค. – นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน โพสต์ข้อความทางโซเชียล มีเดีย เรียกร้องให้มีการหยุดยิงระหว่างไทยกับกัมพูชาในเวลา 22.00 น. ของวันนี้ โดยยืนยันว่า เงื่อนไขดังกล่าว เป็นไปไม่ได้ เนื่องจากประเทศไทยเป็นฝ่ายถูกคุกคามอธิปไตย ทั้งนี้การเจรจาระดับประเทศไม่ควรดำเนินการผ่านโซเชียลมีเดีย หรือการสื่อสารที่ไม่เป็นทางการ พร้อมปฏิเสธแนวคิดการหยุดยิงที่ไม่ได้มีการหารือโดยตรงระหว่างคู่กรณี

นายอนุทินยืนยันว่า ไม่ได้มีการพูดคุยเรื่องการหยุดยิงในลักษณะ “background services” แต่อย่างใด และขอให้ประชาชนติดตามข้อมูลจากการแถลงข่าวของกองทัพซึ่งจัดขึ้นวันละ 2 ครั้ง โดยเน้นว่า ข่าวจากแหล่งอื่นไม่ควรนำมาอ้างอิง ที่ผ่านมามีการสื่อสารกับบุคคลที่เกี่ยวข้องในช่วงเกิดเหตุการณ์ แต่ไม่เคยมีการแจ้งหรือเสนอให้ไทยต้องยุติการปฏิบัติการทางทหารแต่อย่างใด พร้อมย้ำว่า การดำเนินการของกองทัพยังเป็นไปตามแผนที่วางไว้ โดยตนอยู่กับผู้บัญชาการทหารบกตลอดช่วงบ่ายของวันนี้
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า การพิจารณาหยุดยิงต้องเกิดจากความจริงใจ ชัดเจนว่าต้องการยุติการปะทะอย่างแท้จริง ไม่ใช่เพียงการหยุดยิงชั่วคราวในขณะที่ยังคงมีการคุกคามกันอยู่ “ประเทศไทยเป็นฝ่ายถูกรุกราน การตอบโต้ของไทยเป็นไปเพื่อปกป้องอธิปไตยและความปลอดภัยของประชาชน การจะมีใครมาบอกให้หยุดยิงในเวลา 22.00 น. ขณะที่ไทยกำลังปกป้องประเทศอยู่ เป็นเรื่องที่คิดด้วยสามัญสำนึกแล้วก็เป็นไปไม่ได้”

นายอนุทินระบุว่า หากจะมีการหยุดยิงจริง กัมพูชาต้องยื่น ข้อเสนอต่อประเทศไทยโดยตรง ไม่ใช่ให้ผู้นำประเทศอื่นเป็นผู้สื่อสารแทน พร้อมชี้ว่าการหยุดยิงที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ไม่เป็นผล และยังมีการโจมตีที่กระทบต่อประชาชนและชุมชนของไทย “พูดอะไรก็พูดได้ แต่การกระทำต้องสอดคล้องกับคำพูด หากยังมีการยิงใส่ประชาชน ก็ไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นความจริงใจ”
นายอนุทินเน้นย้ำว่า การหยุดยิงที่ไทยจะพิจารณาได้ ต้องเป็นการหยุดยิงอย่างแท้จริง รวมถึงการถอนกำลังและยุติความพร้อมทางทหารทั้งหมด ไม่ใช่หยุดยิงเพียงชั่วคราวในขณะที่ยังคงเล็งอาวุธเข้ามาในฝั่งไทย ถ้าจะหยุด ก็ต้องหยุดทั้งหมด หยุดความพร้อมทุกอย่าง และถอยกลับไป ซึ่งไทยจะเป็นฝ่ายประเมินสถานการณ์เองว่าเมื่อใดจึงจะสามารถเริ่มต้นการเจรจาได้
เมื่อถูกถามถึงสิทธิของประชาชนที่ต้องการเดินทางกลับภูมิลำเนา นายอนุทินยืนยันว่า คนไทยมีสิทธิ์เดินทางกลับบ้านได้ตลอดเวลา และรัฐบาลไม่ต้องการให้สถานการณ์ลุกลามจนประชาชนถูกใช้เป็นตัวประกัน พร้อมย้ำว่ารัฐบาลได้เตรียมแผนเผชิญเหตุไว้รองรับทุกสถานการณ์แล้ว

