“อนุทิน” แจงผลคุย “ทรัมป์” ย้ำกัมพูชาละเมิดข้อตกลงก่อน ไทยจำเป็นต้องปกป้องอธิปไตย แนะอยากให้หยุดยิงต้องคุยเขมรก่อน เผยข่าวดี ผู้นำสหรัฐฯ ยันเหตุปะทะไม่เกี่ยวเจรจาภาษี

197

ทำเนียบรัฐบาล, วันที่ 12 ธันวาคม – นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย แถลงภายหลังหารือทางโทรศัพท์กับนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ถึงสถานการณ์ความตึงเครียดตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชา ว่า บรรยากาศการพูดคุยเป็นไปด้วยดี โดยฝ่ายสหรัฐแสดงความห่วงใยและต้องการให้สถานการณ์กลับไปอยู่ภายใต้กรอบ “ปฏิญญาร่วมสันติภาพ” ที่เคยลงนามกันไว้ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย

นายอนุทินระบุว่า ได้ยืนยันกับประธานาธิบดีสหรัฐอย่างชัดเจนว่า ไทยปฏิบัติตามข้อตกลงและปฏิญญาดังกล่าวมาโดยตลอด ไม่เคยละเมิดเงื่อนไขใด แต่ฝ่ายกัมพูชาเป็นผู้ละเมิดข้อตกลงก่อน ทั้งการไม่ถอนกำลัง การยั่วยุ และการกระทำที่นำไปสู่ความสูญเสียต่อชีวิต อวัยวะ และทรัพย์สินของฝ่ายไทย ซึ่งในกรณีเช่นนี้ ไทยมีความจำเป็นต้องตอบโต้เพื่อปกป้องอธิปไตย ดินแดน และชีวิตของประชาชนตามสิทธิอันชอบธรรม

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ได้อธิบายต่อผู้นำสหรัฐว่า การตอบโต้ของไทยไม่ใช่การรุกราน แต่เป็นการป้องกันตนเอง เพื่อให้ฝ่ายตรงข้ามรับรู้ว่าไม่สามารถกระทำต่อประเทศไทยได้โดยไม่ต้องรับผิดชอบ พร้อมย้ำว่า การรับฟังข้อมูลควรต้องรับฟังจากฝ่ายที่ถูกกระทำด้วย ไม่ใช่เพียงข้อมูลฝ่ายเดียว

สำหรับข้อเสนอให้หยุดยิง นายอนุทินระบุว่า ได้บอกกับประธานาธิบดีทรัมป์ตรงไปตรงมาว่า หากต้องการให้สถานการณ์คลี่คลาย สหรัฐควรสื่อสารไปยังฝ่ายกัมพูชาให้ประกาศหยุดยิงอย่างชัดเจน ถอนกำลังออกจากพื้นที่ และยุติการวางวัตถุระเบิด โดยต้องแสดงให้ประชาคมโลกเห็นอย่างเป็นรูปธรรม ไม่ใช่เพียงการเรียกร้องให้หยุดยิงฝ่ายเดียว ขณะที่ประเทศไทยไม่เคยมีความประสงค์จะได้ดินแดนหรือทรัพยากรใดจากประเทศเพื่อนบ้าน

นายอนุทินยังย้ำว่า ประเด็นการเมืองภายในประเทศหรือการเลือกตั้ง ไม่ควรถูกนำมาเชื่อมโยงกับสถานการณ์ความมั่นคงชายแดน เนื่องจากขณะนี้สิ่งสำคัญที่สุดคือการปกป้องชีวิตของทหารและประชาชนไทย โดยยืนยันว่าเรื่องการเมืองไม่มีความสำคัญเท่ากับชีวิตของคนไทยแม้แต่คนเดียว

ทั้งนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ได้เสนอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทยสามารถประสานงานกับฝ่ายสหรัฐได้ตลอดเวลา และเปิดช่องให้ติดต่อโดยตรงได้หากจำเป็น อย่างไรก็ตาม นายอนุทินระบุว่า ประเทศไทยยังสามารถรับมือกับสถานการณ์ได้ และกระทรวงการต่างประเทศของไทยมีการสื่อสารกับฝ่ายสหรัฐในหลายระดับอย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว

นายกรัฐมนตรีกล่าวเพิ่มเติมว่า รัฐบาลยืนยันยึดมั่นกฎหมายและกติกาสากล ไม่เคยละเมิดสัญญาหรืออธิปไตยของประเทศเพื่อนบ้าน ขณะเดียวกันได้หารือร่วมกับผู้บัญชาการเหล่าทัพและปลัดกระทรวงกลาโหม ซึ่งทุกฝ่ายมีความเข้าใจตรงกัน และพร้อมสนับสนุนนโยบายรัฐบาลเพื่อให้สถานการณ์คลี่คลายและเป็นประโยชน์ต่อประเทศสูงสุด

ด้านประเด็นภาษีการค้า ประธานาธิบดีทรัมป์ยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ชายแดน และเตรียมเร่งรัดเรื่องดังกล่าวหลังจากติดค้างมาระยะหนึ่ง