พล.ต.อ.รุ่งโรจน์ แสงคร้าม รองผบ.ตร. พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบช.สตม. พล.ต.ต.ปรีดี พงศ์เศรษฐสันต์ รองผบช.สพฐ.ตร.พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง ผบก.ตม.3 พล.ต.ต.พนัญชัย ชื่นใจธรรม ผบก.สส.สตม. พ.ต.ท.อาริศ คูประสิทธิ รองผกก.สายตรวจ พ.ต.ท.นฤวัต พุทธวิโร สว.งานสายตรวจ พ.ต.ท.ปริญญา เอี่ยมกมล สว.กก.2 บก.ทท.3 พ.ต.ต.สืบศักดิ์ ผันสืบ สว.ส.ทท.1 กก.1 บก.ทท.3 สนธิกำลังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) เจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ กรมเจ้าท่า เจ้าหน้าที่ศปอส.ตร. บก.ปทส. หน่วยเฉพาะกิจพญาเสือ นิติวิทยาศาสตร์กรมอุทธยานฯ ตำรวจท่องเที่ยว สภ.ลาดหญ้า และกรมอุทธยานฯ ลงพื้นที่ตรวจสอบ”หลุบพญารีสอร์ท”ซึ่งตั้งอยู่เลขที่ 82/3 หมู่1 ต.วังด้ง อ.เมืองกาญจนบุรี จ.กาญจนบุรี หลังได้รับการร้องเรียนว่าสร้างบ้านพัก รีสอร์ทกลางเกาะแม่น้ำแควใหญ่บุกรุกพื้นที่ป่า
โดยรีสอร์ทขนาดใหญ่เนื้อที่กว่า 33 ไร่ จดทะเบียนในนามหลุบพญารีสอร์ทจำกัด มีนายเผด็จ ภูรีปติภาน คอลัมน์นิสต์ชื่อดังเจ้าของนามปากกา “พญาไม้” เป็นเจ้าของกิจการ ซึ่งทันทีที่เจ้าหน้าที่นำกำลังเข้าไปตรวจสอบพบว่าด้านหน้ารีสอร์ทมีการนำป้ายหยุดกิจการมาติดไว้ โดยเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ติดต่อผู้ดูแล ก่อนแสดงหมายค้นเพื่อขอเข้าตรวจสอบ ก่อนกระจายกำลังตรวจสอบโดยรอบ ทั้งนี้จุดที่เจ้าหน้าที่ตรวจสอบคือบริเวณสิ่งปลูกสร้าง จำนวน 3 รายการ ตั้งอยู่บนเกาะกลางแม่น้ำแควใหญ่ชื่อว่า “เกาะพญาไม้” ซึ่งมีระยะห่างจากฝั่งติดกับพื้นที่หลุบพญารีสอร์ทประมาณ 30 เมตร
นอกจากนี้ได้ตรวจสอบจุดบ่อจระเข้ ซึ่งห่างจากตัวบ้านพักขึ้นไป300 เมตร ก็พบจระเข้จำนวน 2 ตัว
ถัดไปประมาณ100 เมตร พบพื้นที่ว่างเปล่าซึ่งแต่เดิมจุดนี้เป็นจุดที่เจ้าหน้าที่ได้รับการร้องเรียนว่าเป็นกรงหมี แต่ปัจจุบันเชื่อว่ามีการเคลื่อนย้ายทั้งกรงและสัตว์ออกไป โดยเบื้องต้นนิติวิทยาศาสตร์กรมอุทธยานฯและสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ ได้ทำการเก็บดีเอ็นเอ รอยนิ้วมือแฝงเพื่อทำการคลายข้อเท็จจริงตามข้อร้องเรียนว่าเคยมีสัตว์ป่าหรือไม่ จากนั้นได้สำรวจหมุดที่มีการตอกไว้ด้านหน้ารีสอร์ท เพื่อให้ทางกรมป่าไม้เทียบเคียงกับทางแผนที่ของกรมป่าไม้
ก่อนตรวจสอบบริเวณจุดที่มีการสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งกันน้ำเซาะและชานพักคอนกรีตเสริมเหล็กอีก 2 หลัง รวมทั้งพื้นที่ริมตลิ่งก็มีการก่อสร้างผนังกั้นน้ำแบบซีเมนต์ถาวร ในพื้นที่ดังกล่าว
ภายหลังตรวจสอบทางพล.ต.อ.รุ่งโรจน์ จะเปิดเผยว่า วันนี้ได้ดำเนินการเข้าตรวจสอบงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดกว่า 10 หน่วยงาน ในการคลี่คลายข้อเท็จจริงตามข้อร้องเรียน หลังจากเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาได้วางแนวทางทำงานให้ แต่ละหน่วยงานทำการตรวจสอบในรายละเอียดที่มีการตรวจสอบเมื่อครั้งที่ผ่านมาให้เกิดความชัดเจนมากยิ่งขึ้น และในวันนี้แต่ละหน่วยงานก็จะร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรลาดหญ้าแต่ละความผิดที่พบ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
ทั้งนี้จากการตรวจสอบพบว่ามีพยานหลักฐานบางอย่างได้หายไปจากภาพถ่ายและคลิปวิดีโอที่มีการร้องเรียน อาทิ กรงสัตว์ป่า สายไฟที่มีการเชื่อมต่อไปยังพื้นที่เกาะพญาไม้ ซึ่งในส่วนนี้ได้ทำการลงในบันทึกการตรวจสอบเรียบร้อย และไม่มีผลต่อการทำงานของเจ้าหน้าที่ รวมทั้งสถานที่ดังกล่าวได้มีการติดป้ายประกาศปิดกิจการไปในส่วนนี้สามารถตรวจสอบย้อนหลังได้เช่นเดียวกับกรณีของสัตว์ป่านั้นทางกรมอุทยานได้ทำการเก็บพิสูจน์ดีเอ็นเอรอยนิ้วมือแฝงในจุดที่เคยใช้เป็นที่ตั้งกรงสัตว์ป่า อย่างไรก็ตามจากการดำเนินการตรวจสอบมาขณะนี้พบว่า เข้าข่ายความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 54 ,พระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ.2456 มาตรา 117
,พระราชบัญญัติโรงแรม พ.ศ.2557 มาตรา 15 “โดยหลังจากนี้จะทำการออกหมายเรียกเจ้าของรีสอร์ท รวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเข้าให้ปากคำกับทางพนักงานสอบสวน รวมทั้งแจ้งข้อกล่าวหาตามคำร้องทุกข์ ทั้งนี้ยืนยันว่าการตรวจสอบไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะรีสอร์ทแห่งนี้ แต่ทุกรีสอร์ทที่รุกล้ำเขตป่าต้องมีส่วนรับผิด และจะดำเนินการมาตรการนี้อย่างเข้มข้น อีกทั้งไม่ว่าจะอยู่ระหว่างการปิดปรับปรุงหรือมีการหรือถอนสิ่งปลูกสร้างบางส่วนเพื่อหนีการตรวจสอบ ก็สามารถตรวจสอบย้อนหลังได้ รองผบ.ตร. กล่าว
ด้าน พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ที่เปิดเผยว่า ปฏิบัติการครั้งนี้เป็นการบังคับใช้กฎหมายของแต่ละหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง ซี่งขณะนี้จากการตรวจสอบพบความผิดในหลายส่วน ซึ่งในวันนี้หลายหน่วยงานได้บูรณาการร่วมกันเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุโดยการถือบังคับใช้กฎหมายร่วมกัน อย่างไรก็ตามในส่วนของเจ้าของพื้นที่ต้องให้ความร่วมมือในการตรวจค้นเป็นอย่างดีปฏิบัติตามข้อแนะนำของพนักงานสอบสวน
ถึงแม้สถานที่ดังกล่าวจะมีการปิดกิจการไปประธานเจ้าหน้าที่ก็สามารถที่จะตรวจสอบย้อนหลังได้ โดยจะตรวจสอบรอบด้านไม่ว่าจะเป็นเส้นทางการเดินความเคลื่อนไหวของบัญชีรวมทั้งกระแสไฟที่ใช้ว่ามีการเชื่อมต่อจากหลุบพญารีสอร์ทไปยังเกาะพญาไม้หรือไม่ อย่างไรก็ตามหากบทสรุปสุดท้ายพบว่ามีการฝ่าฝืนหรือบุกรุกเข้าไปในที่ป่าไม้แสวงหาผลประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติในส่วนนี้ก็เข้าข้างมูลฐานความผิดตาม พรบ.ฟอกเงิน ที่จะต้องทำการยึดอายัดทรัพย์
มีรายงานว่าสาเหตุที่เจ้าหน้าที่ตำรวจนำกำลังไปตรวจค้นครั้งนี้ น่าจะมาจากที่ พญาไม้ คอลัมนิสต์ ได้เขียนบทความวิพากษ์วิจารณ์ คสช.และการบริหารประเทศของรัฐบาลยุคปัจุบัน รวมถึงได้เขียนบทความวิจารณ์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรี รวมถึงยังได้วิพากวิจารณ์ การทำงานในแง่มุมต่างๆของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นายกรัฐมนตรี และพญาไม้ ยังเคยเป็นบุคลที่มีความใกล้ชิดกับคนในรัฐบาลยุค นายทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี
สำหรับรายละเอียดของการปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ตำรวจในวันนี้นั้นมีรายละเอียดตามนี้
1. เจ้าท่า
– เข้าแจ้งควํามร้องทุกข์ พรบ.เดินเรือน่านน้ำไทย ปลูกสร้างสิ่งล่วงลํ้าลํานํา
2. ฝ่ายปกครอง
– เข้าแจ้งควํามร้องทุกข์ พรบ.โรงแรม ประกอบกิจกํารโรงแรมโดยไม่ได้รับ อนุญําต
3. ป่าไม้
– เข้าตรวจวัดเนื้อที่ที่ลุกล้ำป่า
– ทําแผนที่พื้นที่หลุบพญารีสอร์ท ระบุ ตําแหน่งสิ่งปลูกสร้างต่างๆ พร้อมขนาด ทั้งในส่วนที่อยู่ใน น.ส.3 ก และนอกเหนือ น.ส.3 ก
– เข้าแจ้งควํามร้องทุกข์ในช่วงบ่ายวันนี้
4. กรมอุทยํานฯ
– ตรวจเก็บ มูล ขน เล็บ อื่นๆ ในกรงสัตว์
– ตรวจเปรียบเทียบภาพจากวีดีโอ กับ พื้นที่จริง เหมือนหรือต่างกันอย่างไร
5. พฐ.
– เข้าตรวจพิสูจน์ทราบกรงขังสัตว์ที่เคยมีแต่ ถูกรื้อถอนออกไป
– ตรวจพิสูจน์กํารเชื่อมต่อสํายไฟฟ้าจาก หลุบพญารีสอร์ทไปเกาะพญําไม้
– จัดทําแผนที่พื้นที่หลุบพญารีสอร์ท เกี่ยวกับ รั้วแสดงแนวเขตรัวแต่ละด้าน , ระบบนํ้า ระบบไฟ แสดงถึงความเชื่อมโยงภายในรีสอร์ทว่าใช้เนื้อที่บน น.ส.3ก ทั้ง 6 แปลง ต่อเนื่องเพื่อประกอบกิจการรีสอร์ท
6. กรมทรัพยํากรธรณี
– เข้าตรวจพิสูจน์ชั้นดินเพื่อยืนยันพืนที่ ส่วนเกินว่าเป็นที่งอกหรือไม่ อย่างไร
7. กรมทรัพยากรนํ้าบาดาล
– ตรวจกํารขุดเจําะนําบําดําลในพื้นที่ หลุบพยารีสอร์ท
8. สภ.ลําดหญ้า
– เข้าตรวจยึดเอกสํารต่างๆเกี่ยวกับกําร ประกอบธุรกิจโรงแรม
9. อบต.วังด้ง
– เข้าตรวจสอบพืนที่ส่วนเกิน ว่าเป็นพืนที่ที่มีสิทธิครอบครอง หรือได้รับอนุญาตจาก พนักงานเจ้าหน้ําที่หรือไม่ หากไม่มีให้ จะดําเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษตาม ป.ที่ดิน ม.9
10.เจ้าหน้าที่ประมง
– เข้าตรวจสอบจรเข้ จำนวน 2 ตัว ที่อยู่ภายในกรงภายในบริเวณรีสอร์ท ว่าได้มีการขออนุญาตหรือไม่ อย่างไร