รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยอธิบดีกรมศุลกากร และอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ร่วมแถลงผลการตรวจยึดบุหรี่ไฟฟ้าชนิดใช้แล้วทิ้งล็อตใหญ่ กว่า 46,000 ชิ้น มูลค่ากว่า 10 ล้านบาท หลังพบพฤติการณ์ซุกซ่อนมาในตู้สินค้าเบ็ดเตล็ดเพื่อตบตาเจ้าหน้าที่

วันนี้ (11 ธ.ค.) เมื่อเวลา 14.00 น. ที่ สำนักงานศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ นายสันติ ปิยะทัต รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI), นายพันธ์ทอง ลอยกุลนันท์ อธิบดีกรมศุลกากร และหน่วยงานภาคีเครือข่าย อาทิ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กรมควบคุมโรค และการท่าเรือแห่งประเทศไทย ร่วมกันแถลงข่าวการตรวจยึด “บุหรี่ไฟฟ้าชนิดใช้แล้วทิ้ง” จำนวน 46,260 ชิ้น คิดเป็นมูลค่ารวม 10,871,100 บาท ซึ่งเป็นสินค้าต้องห้ามนำเข้ามาในราชอาณาจักร
สืบเนื่องจากนโยบายเร่งด่วน (Quick Win) ของรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ที่มุ่งเน้นการปราบปรามสินค้าผิดกฎหมายอย่างจริงจัง เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2568 เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการร่วมได้เข้าตรวจสอบตู้สินค้าตกค้างจำนวน 7 ตู้ ณ สำนักงานศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ

จากการตรวจค้นโดยละเอียด พบว่าคนร้ายมีพฤติการณ์อำพรางโดยนำบุหรี่ไฟฟ้าคละกลิ่นซุกซ่อนปะปนอยู่กับสินค้าเบ็ดเตล็ดภายในตู้คอนเทนเนอร์ เพื่อหวังหลบเลี่ยงการสแกนและการตรวจค้นของเจ้าหน้าที่ อย่างไรก็ตาม ด้วยการบูรณาการข้อมูลร่วมกันทำให้สามารถตรวจยึดของกลางทั้งหมดไว้ได้ความผิดตามกฎหมาย
การนำเข้าบุหรี่ไฟฟ้าถือเป็นการกระทำความผิดตาม:
พระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560ประกาศกระทรวงพาณิชย์ พ.ศ. 2557 เรื่องกำหนดให้บารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้าเป็นสินค้าต้องห้ามนำเข้ามาในราชอาณาจักร
สถิติการจับกุมพุ่งสูง
นายพันธ์ทอง ลอยกุลนันท์ อธิบดีกรมศุลกากร เปิดเผยว่า สถิติการจับกุมบุหรี่ไฟฟ้าและอุปกรณ์ในงบประมาณ 2569 (ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม – 11 ธันวาคม 2568) สามารถตรวจยึดของกลางได้แล้วกว่า 123,870 ชิ้น รวมมูลค่าสูงถึง 25,170,659 บาท
ทั้งนี้ กรมศุลกากรและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะยังคงยกระดับความเข้มงวดในการตรวจสอบสินค้า ณ ด่านชายแดนและท่าเรือทั่วประเทศ เพื่อป้องกันการลักลอบนำเข้าสินค้าที่ทำลายสุขภาพและส่งผลกระทบต่อสังคมอย่างต่อเนื่อง

