กรุงเทพฯ วันที่ 11 ธ.ค. – สมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย (TMA) ผนวก 3 องค์กรชั้นนำ WHA – บางจาก – SCG เปิดวิสัยทัศน์ขับเคลื่อนองค์กรฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจไทย ปี 69 ชี้องค์กรไทยต้องกล้าเปลี่ยน ท่ามกลางความผันผวนของเศรษฐกิจโลก และแรงกดดันด้านความยั่งยืนที่เข้มข้นขึ้นหลังทั้ง 3 องค์กรคว้ารางวัล Thailand Corporate Excellence Awards ที่จัดโดย TMA และสถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจ ศศินทร์ แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อส่งเสริม และผลักดันให้ภาคธุรกิจไทยมีการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขัน ให้สามารถแข่งขันได้ในเวทีโลก และช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน ผ่านรางวัลพระราชทานในสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี Thailand Corporate Excellence Awards และ SMEs Excellence Awards
นายนิธิ ภัทรโชค ประธาน TMA และที่ปรึกษากรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี เปิดเผยถึงขีดความสามารถขององค์กรธุรกิจไทยในปี 2026 ว่า ศักยภาพขององค์กรไทยกำลังดีดตัวขึ้นจากแรงส่งของดิจิทัล AI และการลงทุนเทคโนโลยีขั้นสูง แต่หากไม่เร่งปลดล็อกคอขวดเชิงโครงสร้าง ทั้งผลิตภาพแรงงาน การเข้าถึงทุนของ SMEs และกฎระเบียบที่ยังไม่คล่องตัว ไทยอาจเสียพื้นที่การแข่งขันในตลาดโลกได้ วันนี้องค์กรต้องกล้าที่จะเปลี่ยนผ่านจริงจัง ปรับโมเดลธุรกิจ ใช้นวัตกรรมยกระดับผลิตภาพ และพัฒนาทักษะคนให้เท่าทันอนาคต หากไทยต้องการยืนแถวหน้าในภูมิภาค เราต้องก้าวข้ามวิธีคิดเดิม ปรับโมเดลการเติบโตของประเทศใหม่ทั้งหมด ตั้งแต่การยกระดับทักษะประชาชนไปจนถึงการสร้างโครงสร้างพื้นฐานทางปัญญา เพื่อผลักดันการเติบโตอย่างยั่งยืนให้เกิดขึ้นจริง

นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA ซึ่งได้รับรางวัล สาขาความเป็นเลิศด้านผู้นํา กล่าวว่า การเป็นผู้นำที่ดีต้องมีวิสัยทัศน์ ต้องคาดการณ์อนาคตว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้นกับธุรกิจ ที่ผ่านมา ดับบลิวเอชเอ วางกลยุทธจากวิสัยทัศน์ที่มองเห็นการเปลี่ยนแปลงใน 10 ปีข้างหน้าว่าจะเกิดอะไรขึ้น การเปลี่ยนแปลงจะส่งผลกระทบกับธุรกิจอย่างไร ทำให้เราปรับตัวจากนิคมอุตสาหกรรมดั้งเดิม ไปสู่การเป็นบริษัทนิคมอุตสาหกรรมอัจฉริยะ ขยายการลงทุนไปสู่ธุรกิจพลังงาน โดยเฉพาะพลังงานหมุนเวียน โลจิสติกส์ และ เทคโนโลยีดิจิทัลโซลูชัน ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา
ขณะที่แนวโน้มและทิศทางการทำธุรกิจในอีก 10 ปี ข้างหน้า นางสาวจรีพร ระบุว่า “เป็นทศวรรษของการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในการทำธุรกิจ และเป็นหน้าที่ของผู้นำที่จะต้องวางวิสัยทัศน์ในการนำองค์กรให้สามารถก้าวข้ามการเปลี่ยนแปลงไปสู่การเป็นผู้นำธุรกิจ ท่ามกลางความผันผวนของเศรษฐกิจโลก เศรษฐกิจในปัจจุบันมีความผันผวนและความไม่แน่นอนสูง การเป็นผู้นำองค์กรต้องให้ความสำคัญกับการวางวิสัยทัศน์ และ สร้างโอกาสให้กับธุรกิจเพื่อให้ธุรกิจสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน”
นอกจากวิสัยทัศน์ในการขับเคลื่อนองค์กรท่ามกลางความผันผวนของเศรษฐกิจแล้ว ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่ไม่แน่นอน ซับซ้อนมากยิ่งขึ้นจากแรงเสียดทานด้านความยั่งยืนและการพัฒนาเทคโนโลยีที่เติบโตอย่างรวดเร็ว การเติบโตของภาคธุรกิจต้องให้ความสำคัญกับการทำธุรกิจที่เป็นมิตรกับชุมชน สังคม และ สิ่งแวดล้อม เพื่อที่จะสร้างความมั่นคงด้านรายได้ ให้กับชุมชนและสังคม เป็นส่วนหนึ่งของการสร้างความยั่งยืนให้กับเศรษฐกิจและสังคมเพราะองค์กรเติบโตเพียงลำพัง ไม่ได้

นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มบริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ซึ่งได้รับรางวัล สาขาความเป็นเลิศด้านการพัฒนาที่ยั่งยืนระบุว่า การที่ บางจาก ได้รับรางวัลสาขาความเป็นเลิศด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน มาจากแนวคิดในการทำธุรกิจของบริษัท ที่ให้ความสำคัญใน 2 ประเด็นหลักในการขับเคลื่อนธุรกิจ คือเรื่องความสามารถในการสร้างรายได้และกำไรทางการเงิน ที่มาจากการบริหารธุรกิจ และ การทำธุรกิจโดยคำนึงถึงชุมชน สังคม และ สิ่งแวดล้อม ให้เติบโตไปพร้อมกับการเติบโตขององค์กร
“การทำกิจกรรมเพื่อชุมชน สังคม และ สิ่งแวดล้อม ของบางจากฯ ไม่ได้แค่ให้เงินลงไปในกิจกรรม CSR เท่านั้น แต่เราออกแบบและวางแผนในการทำกิจกรรมที่สอดคล้องกับแผนการลงทุนของบริษัท อาทิ การลงทุนหมื่นล้านบาท ในการทำโครงการผลิตน้ำมันอากาศยานยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuel : SAF) จากน้ำมันพืชใช้แล้ว ซึ่งเป็นโครงการที่เก็บน้ำมันพืชใช้แล้วจากชุมชน จากภาคธุรกิจต่างๆ ที่มีน้ำมันพืชใช้แล้ว ผลิตน้ำมันที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เป็นโครงการอย่างยั่งยืน เราไม่ได้ใช้แค่เงินใส่เข้าไปทำกิจกรรมเพื่อชุมชน พอเงินหมดแล้วก็จะจบโครงการ แต่เป็นการลงทุนสร้างรายได้ระยะยาวให้กับชุมชนอย่างยั่งยืน ด้วยแนวคิดดังกล่าว ส่งผลให้บางจากฯ ให้ความสำคัญกับความยั่งยืน เพราะเราเชื่อว่า เมื่อภาคธุรกิจ ชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม ที่มีความแข็งแรง เมื่อเผชิญกับความผันผวนและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ก็จะสามารถก้าวข้ามผ่านทุกวิกฤตได้” นายชัยวัฒน์ กล่าว

นายปรเมศวร์ นิสากรเสน ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ การบริหารกลาง บริษัท ปูนซีเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) ที่ได้รับรางวัล สาขาความเป็นเลิศด้านการจัดการทรัพยากรบุคคล กล่าวว่า ทรัพยากรบุคคล เป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจ ปูนซีเมนต์ไทย ให้ความสำคัญกับการพัฒนาบุคลากรอย่างต่อเนื่อง “ปูนซีเมนต์ไทย มีหลักการทำงานโดยนำกระบวนการ “2P 2S” โดย P ตัวแรกคือ People P ตัวที่สองคือ Process กระบวนการทำงาน ส่วน S แรกคือ Structure โครงสร้างขององค์กร และ S ตัวที่สองคือ System ระบบการทำงาน จะเห็นว่า บุคลากร เป็นหัวใจสำคัญของเรา เพราะบุคลากรที่มีคุณภาพ จะสามารถพัฒนากระบวนการทำงาน วางโครงสร้างองค์กร และ ระบบการทำงานที่มีประสิทธิภาพ เราเชื่อว่าการพัฒนาบุคลากร การให้ความรู้ การ Upskill และ Reskill จะทำให้เรามีบุคลากรที่พร้อมจะขับเคลื่อนองค์กรให้เติบโตท่ามกลางความผันผวนและความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจในปัจจุบันและอนาคต”
สำหรับ TMA Excellence Awards ริเริ่มขึ้นเพื่อส่งเสริมให้องค์กรธุรกิจมีความมุ่งมั่นและพัฒนาการบริหารจัดการองค์กรอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงสร้างเสริมขีดความสามารถในการแข่งขันและความแข็งแกร่งให้กับภาคธุรกิจ อันเป็นฐานรากสำคัญด้านเศรษฐกิจของประเทศ โดย TMA ร่วมกับ ศศินทร์ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ และได้รับการสนับสนุนจากเอไอเอส อะคาเดมี่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กลุ่มบีเจซี บิ๊กซี บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) บริษัท เอสซีบีเอกซ์ จำกัด (มหาชน) บริษัท SEA (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และเอสซีจี

TMA เป็นองค์กรที่ตั้งขึ้นเพื่อเป็นศูนย์กลางในการสร้างเสริมความเป็นเลิศของผู้บริหาร เพื่อมุ่งสู่การยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทย โดยมีความร่วมมือกับพันธมิตรทั้งในและนอกประเทศ เช่น International Institute for Management Development (IMD) ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ในการทำการสำรวจขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทย หรือความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยชั้นนำในอเมริกา และทีมผู้เชี่ยวชาญจากซิลิคอนวัลเลย์ และจากยุโรปในการฝึกอบรมพัฒนาผู้บริหาร รวมถึงความร่วมมือกับวิทยากรชั้นนำในประเทศไทยในการพัฒนาศักยภาพผู้บริหารในรูปแบบต่างๆ นอกจากนี้ TMA ยังให้บริการที่ปรึกษา บริการทำงาน วิจัย และจัดการประชุมระดับนานาชาติ และทำกิจกรรมเพื่อสร้างเครือข่ายสำหรับทั้งภาครัฐและเอกชน โดยนับตั้งแต่องค์กรก่อตั้งขึ้นในปีพ.ศ. 2507 มีผู้ใช้บริการเพื่อการพัฒนากับ TMA มาแล้วมากกว่า 400,000 คน

