ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ลงพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี รับทราบสถานการณ์ในพื้นที่กรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา และการบริหารจัดการด้านการแพทย์และสาธารณสุขในภาวะฉุกเฉิน ทั้ง ระบบส่งต่อผู้ป่วยกับโรงพยาบาลคู่บัดดี้ การจัดบริการในศูนย์พักพิง เพิ่มประสิทธิภาพการดูแลด้วย Telemedicine และ Telepharmacy พร้อมเสริมพลังใจบุคลากรการแพทย์และสาธารณสุขในการดูแลประชาชนอย่างเต็มที่
วันนี้ (11 ธันวาคม 2568) นายแพทย์สมฤกษ์ จึงสมาน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า จากกรณีเกิดการปะทะบริเวณแนวชายแดนไทย-กัมพูชา อย่างต่อเนื่อง นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข มีความเป็นห่วงถึงการเตรียมความพร้อมด้านการแพทย์และสาธารณสุขรองรับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ ได้มอบหมายให้ตนลงพื้นที่ จ.อุบลราชธานี เพื่อรับทราบสถานการณ์จริงและสนับสนุนการบริหารจัดการด้านการแพทย์และสาธารณสุขในภาวะฉุกเฉินอย่างไร้รอยต่อ โดย จ.อุบลราชธานี ซึ่งอยู่ในเขตสุขภาพที่ 10 มีพื้นที่บางส่วนอยู่ในเขตที่มีการปะทะ ปัจจุบันมีโรงพยาบาลปิดบริการชั่วคราว 3 แห่ง ได้แก่ รพ.น้ำยืน รพ.นาจะหลวย และรพ.น้ำขุ่น ส่วน รพ.สต.ปิดบริการชั่วคราว 23 แห่ง ได้ย้ายผู้ป่วยในไปยังโรงพยาบาลในพื้นที่คู่บัดดี้แล้ว 17 ราย ได้แก่ รพ.สรรพสิทธิประสงค์ รพ.บุณฑริก รพ.พระศรีมหาโพธิ์ และ รพ.ทุ่งศรีอรุณ รวมทั้งยังกำหนดคู่โรงพยาบาลกับเขตสุขภาพที่ 8 เพื่อส่งต่อผู้ป่วย รวมถึงสนับสนุนอัตรากำลังบุคลากรเพิ่มเติม หากสถานการณ์รุนแรงขึ้นด้วย
นายแพทย์สมฤกษ์ กล่าวต่อว่า สำหรับศูนย์พักพิงมี 95 จุด รองรับได้ 70,886 คน มีผู้เข้าพักแล้ว 30,755 คน เป็นกลุ่มเปราะบาง 8,158 คน ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ 5,297 คน รองลงมา คือ เด็กเล็ก 1-5 ปี 1,964 คน มีการจัดทีมปฏิบัติการด้านสุขภาพดูแล ประกอบด้วย ทีมปฏิบัติการฉุกเฉินทางการแพทย์ (Mini-MERT) 4 ทีม ทีมปฏิบัติการแพทย์ฉุกเฉินระดับสูง (ALS) 6 ทีม ทีมปฏิบัติการสอบสวนควบคุมโรค 18 ทีม ทีมปฏิบัติการตอบโต้ภาวะฉุกเฉินและสาธารณภัยด้านอนามัยสิ่งแวดล้อม 26 ทีม และทีมช่วยเหลือทางด้านจิตใจผู้ประสบภาวะวิกฤต 18 ทีม ทั้งนี้ ได้ให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในการดูแลประชาชนอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะผู้ป่วยฟอกไต และให้ใช้ระบบ Telemedicine และ Telepharmacy เพื่อให้ประชาชนได้รับบริการด้านการแพทย์และสาธารณสุขอย่างต่อเนื่อง

