นายนิกร จำนง ผู้อำนวยการพรรคชาติไทยพัฒนา ในฐานะอดีตกรรมการเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางในการทำประชามติ เพื่อแก้ไขปัญหาความเห็นที่แตกต่างในเรื่องรัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 กล่าวถึงการแก้รัฐธรรมนูญ ว่า วันนี้เป็นวันรัฐธรรมนูญ เป็นวันที่ดี เราทำเรื่องดีคือการแก้รัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นการเปิดสมัยประชุมวิสามัญ เนื่องจากตอนนี้ร่างกฎหมายที่แก้ไขเสร็จแล้ว แต่การเปิดวิสามัญอาจเรียกว่าไม่จำเป็นเลยก็ได้ พิจารณาในสมัยประชุมสามัญก็ยังทันในเวลาที่กำหนด คือ ภายใน 60 วัน แต่ไม่เกิน 150 วัน แต่การเปิดวิสามัญครั้งนี้ คิดว่าเป็นไปตามข้อตกลง MOA ระหว่างพรรคภูมิใจไทยและพรรคประชาชนที่กำหนดให้เสร็จก่อนสิ้นปีนี้ ถือเป็นเรื่องดีเป็นการแสดงเจตนารมณ์ว่าจะมีการดำเนินการ ซึ่งการพิจารณาวาระ 2 เมื่อช่วงเช้าวันนี้ทราบว่านายภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จะยื่นญัตติต่อรัฐสภาเพื่อตั้งคำถามประชามติ คำถามที่ 1 ก่อน ซึ่งเรื่องนี้ตนพูดมาก่อน 2 เดือนแล้วว่าสามารถทำได้ โดยสามารถใช้หลัก การตามมาตรา 9 (4) หรือ (2) ได้ จะเหมือนสมัยรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี แต่ปรากฏว่าช่วงหลังมีการให้ความเห็นกันว่าคณะรัฐมนตรี (ครม.) สามารถตั้งคำถามได้ แต่คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญออกมาชัดว่า รัฐสภาเท่านั้นที่เป็นผู้เสนอตั้งคำถามที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ดังนั้น การไปดำเนินการโดยใช้ พ.ร.บ.ประชามติ ตามที่มีการนำเสนอขณะนี้ เป็นเรื่องที่ไม่สามารถกระทำได้ เพราะจะแย้งกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เท่ากับว่าการที่รัฐบาลเสนอมาเป็นการแสดงท่าทีตาม MOA เมื่อมีการยื่นญัตติ รัญสภาจะพิจารณาได้ แต่ต้องใช้อำนาจของประธานรัฐสภาบรรจะวาระและชี้ว่าเป็นกรณีที่เกี่ยวเนื่องกัน จากนั้นจะเรียกประชุมอีกครั้ง หรือจะรอพร้อมคำถามที่ 2 หากรัฐสภายุติ คำถามจะไปที่ ครม. ส่งไปกฤษฎีกา เพื่อทำประชามติไม่น้อยกว่า 60 วัน แต่ไม่เกิน 150 วัน ซึ่งอาจลงล็อก 29 มีนาคม 2569 และเมื่อยุบสภาตาม MOA ซึ่งสามารถลงในวันเดียวกันได้ ไม่ว่าคำถามที่ 2 จะผ่านการพิจารณาหรือไม่ แต่อย่างน้อยเราได้คำถามที่ 1 ซึ่งจะสำคัญเรื่องค่าใช้จ่าย หากทำไม่พร้อมกับการเลือกตั้ง ค่าใช้จ่ายอาจถึงหลักหมื่นล้านบาท
สำหรับการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ วาระที่ 2 นายนิกร กล่าวว่า ตนพิจารณามาตรามาทั้งหมด พบว่า ยังมีปัญหาอยู่บ้างบางมาตรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเด็นที่ขัดแย้งกันระหว่างกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ สัดส่วนสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ซึ่งวาระที่ 2 เคยพูดไว้แล้วการพิจารณาในที่ประชุมรัฐสภาใช้เสียงข้างมาก ดังนั้น สว. ไม่ชนะเสียงของ สส. ที่มีมากกว่าได้ แต่พอไปวาระที่ 3 ต้องใช้เสียง สว. 1 ใน 3 ตรงนี้ยังล่อแหลมอยู่มาก แต่ตนคิดว่าน่าจะได้คุยกันและหารือเข้าใจกันทั้งสองฝ่าย การแก้รัฐธรรมนูญแล้วให้อายุของวุฒิสภาหมดลง ก็เกิดความกังวลประเด็นนี้ด้วย หากคุยกันได้ก็จะเป็นสิ่งที่ดี
นอกจากนี้ นายนิกร ระบุถึงประเด็นเรื่องการสู้รบที่ชายแดนไทย-กัมพูชา มีวาระเรื่อง MOU 43-44 ขณะนี้คณะกรรมาธิการศึกษาข้อดีข้อเสียการยกเลิก MOU 43-44 ได้ตั้งตนเป็นประธานคณะทำงานเขียนรายงานแล้ว ใกล้จะเสร็จแล้ว ต้องรีบให้เสร็จเพราะสภาฯ มีเวลาไม่นาน ที่ตั้งใจคือจะให้เสร็จทันวันที่ 17 ธันวาคม นี้ ซึ่งรัฐบาลก็รอเรื่องนี้อยู่ ข้อสรุปมีทั้งเห็นด้วนให้ยกเลิกกับไม่ให้ยกเลิก จึงใช้วิธีให้กรรมาธิการให้ความเห็นมาเลย บันทึกมาเลย ว่าใครเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยเหมือนกฎหมายนิรโทษธรรม และนำเข้าสู่สภาฯ ทั้งหมดเพื่อจะได้พิจารณา และนำไปใช้งานได้ ทั้งนี้ เชื่อว่าความเห็นจะช่วยประคองประเทศได้อีกมิติหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่ความเห็นของรัฐบาลหรือนายกรัฐมนตรีที่มีการสู้รบ แต่เป็นความเห็นของสภาฯ ซึ่งสุดท้ายขึ้นอยู่กับรัฐบาล

