“ไอซ์ สารวัตร”ยอมรับนำสารไซยาไนด์ออกจากบ้าน’นัทปง’​ยันเจตนาดี–ไม่กังวลเข้าเครื่องจับเท็จ

83

“ไอซ์ สารวัตร” ยอมรับนำสารไซยาไนด์ ออกจากบ้าน “นัทปง” จริง โดยร่วมกับทีมงานตัดสินใจนำส่งหมอตรวจ ก่อนทราบเป็นสารไซยาไนด์ และนำมาส่งมอบให้กับตำรวจในวันนี้ ยืนยันเจตนาดีไม่กังวลเข้าเครื่องจับเท็จ พร้อมเข้าตรวจสอบบ้านที่เกิดเหตุกับตำรวจในวันที่ 11 ธันวาคมนี้

วันที่ 9 ธันวาคม 2568 นายสารวัตร กิจพานิช หรือไอซ์ ผู้ประกาศข่าวช่อง 8 หนึ่งในพยานคดีการเสียชีวิตของนายณัฐวุฒิ ปงลังกา ผู้สื่อข่าวช่อง 8 เดินทางมาพบพนักงานสอบสวน สภ.บางกรวย เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา พร้อมนำสารไซยาไนด์ ที่นำเอาออกไปจากบ้านผู้เสียชีวิต มาคืนให้กับตำรวจ เพื่อแสดงความบริสุทธิ์

ภายหลังการเข้าพบพนักงานสอบสวนกว่า 2 ชั่วโมง นายสารวัตร สาเหตุที่นำสารออกจากบ้านของผู้เสียชีวิต เนื่องจากได้รับข้อมูลจากกลุ่มคนสนิท ว่านายณัฐวุฒิ มีสารไซยาไนด์ อยู่ภายในบ้าน จึงปรึกษาทีมงาน เพื่อเข้าตรวจสอบจนพบสารไซยาไนด์ วางอยู่ในห้องที่นายณัฐวุฒิเสียชีวิตอยู่ โดยไม่ได้มีการค้นหาแต่อย่างใด ซึ่งในขณะนั้นไม่ทราบว่าเป็นสารไซยาไนด์จริงหรือไม่ จึงซองจากตู้ยาภายในบ้าน และปลายใช้หลอดกาแฟ ตักสารดังกล่าวขึ้นมาจำนวน 2 ครั้ง ก่อนนำออกไปส่งให้กับนายแพทย์คนหนึ่งทำการตรวจสอบ ก่อนที่จะทราบผลภายหลังว่าเป็นสารไซยาไนด์ ซึ่งเป็นเวลาใกล้เคียงกับที่ผลแพทย์นิติเวช ที่ระบุว่าพบสารไซยาไนด์อยู่ในร่างกายของผู้เสียชีวิต

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่านายแพทย์ที่ส่งสารไซยาไนด์ ไปให้ตรวจสอบเป็นหน่วยงานราชการหรือเอกชน นายสารวัตร อ้างว่าไม่ทราบว่าเป็นแพทย์จากหน่วยงานไหน แต่เป็นนายแพทย์ที่รู้จักกัน จึงขอความอนุเคราะห์ในการตรวจสอบ ยืนยันการนำหลักฐานออกไปจากบ้านไม่ได้เป็นการพยายามที่จะทำลายหลักฐานหรือปกปิดแต่อย่างใด มีเจตนาที่จะตรวจสอบถึงสาเหตุการเสียชีวิตของนายณัฐวุฒิ ซึ่งวันนี้ก็ได้นำมาคืนให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว พร้อมให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่เต็มที่ โดยจะเข้าตรวจสอบบ้านที่เกิดเหตุร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจภายในวันที่ 11 ธันวาคมนี้

ส่วนข้อมูลหลักฐานภาพวงจรปิด ซึ่งอยู่ในโทรศัพท์มือถือของผู้เสียชีวิต ได้มอบให้กับตำรวจในวันที่เข้ามาพบกับพนักงานสอบสวนครั้งแรกแล้ว ยืนยันว่าไม่ได้มีการลบข้อความหรือ หลักฐานกล้องวงจรปิดในโทรศัพท์ ตามที่ถูกกล่าวอ้าง

ส่วนเหตุจูงใจที่นำไปสู่การเสียชีวิตในขณะนี้ ตัวนายสารวัตร ก็ยังไม่ตัดประเด็นใดทิ้งทั้งเรื่องทำร้ายตัวเอง และมีบุคคลอื่นทำให้เสียชีวิต แต่ก็ไม่ได้สงสัยบุคคลที่อยู่กับผู้เสียชีวิตในวันเกิดเหตุ ขอให้เป็นเรื่องของการพิสูจน์ของเจ้าหน้าที่ตามพยานหลักฐานนิติวิทยาศาสตร์ เพราะก่อนเสียชีวิต นายณัฐวุฒิ ไม่มีท่าทีที่จะโศกเศร้า หรือพยายามทำร้ายตัวเอง

ส่วนสารไซยาไนด์ ที่ถูกระบุว่านายณัฐวุฒิมีครอบครองมานานกว่า 1 ปีนั้น เป็นการพูดคุยกันในกลุ่มเพื่อนที่รู้จักกัน โดยตัวนายณัฐวุฒิเองเป็นผู้บอกเล่า แต่ไม่มีใครทราบหรือเห็น สารไซยาไนด์มาก่อน แต่ยอมรับว่านายบิ๊กและนายต้น เห็นสารไซยาไนด์ ก่อนหน้าจะเกิดเหตุประมาณ 1 เดือนเท่านั้น ซึ่งตรงกับช่วงเวลาที่นายกิตติ นำมามอบให้ปลายเดือนตุลาคม

ส่วนกรณีที่เจ้าหน้าที่จะนำเครื่องจับเท็จมาร่วมสอบปากคำเพื่อหาข้อเท็จจริงนั้น นายสารวัตร ไม่กังวลพร้อมที่จะให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่อย่างเต็มที่ แล้วมองว่าเป็นเรื่องดีที่จะทำให้ข้อเท็จจริงนั้นปรากฏ ให้สังคมได้รับรู้อย่างสิ้นกระแสความ