“กองทัพบก” ร่วมฝ่ายปกครอง อพยพประชาชน 5 จังหวัดชายแดนไทย – กัมพูชา แล้ว กว่า 4 แสนคน

148

กองทัพบก, 8 ธันวาคม – จากสถานการณ์ความตึงเครียดตามแนวชายแดนไทย – กัมพูชา ที่มีแนวโน้มทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงจากเหตุการณ์ที่กัมพูชายิงจรวดหลายลำกล้อง BM-21 ใส่พื้นที่บ้านเรือนประชาชนในอำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์ ในช่วงเช้าของวันที่ 8 ธันวาคม 2568 ถือเป็นการปฏิบัติของฝ่ายกัมพูชาที่มุ่งเป้าโจมตีไปยังพื้นที่พลเรือนของประเทศไทย ซึ่งเป็นพื้นที่นอกเหนือจากการปฏิบัติการทางทหารโดยสิ้นเชิง อันเป็นสาเหตุโดยตรงให้ประชาชนในพื้นที่ต้องได้รับผลกระทบต่อความปลอดภัยทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ การดำรงชีวิต สูญเสียแหล่งทำกิน ขาดรายได้ประจำ และต้องพลัดพรากจากที่อยู่อาศัย

ทีมโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า กองทัพบกได้สั่งการให้กองทัพภาคที่ 1 และกองทัพภาคที่ 2 บูรณาการร่วมกับฝ่ายปกครองและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการอพยพประชาชนออกจากพื้นที่เสี่ยงภัยไปยังศูนย์พักพิงชั่วคราว ตามแผนอพยพ ตั้งแต่วันที่ 7 ธันวาคม 2568 เป็นต้นมา เพื่อให้ประชาชนอยู่ในเขตปลอดภัยสูงสุดและลดความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สิน อันเป็นความเสียหายที่ประชาชนไม่ควรต้องเผชิญจากการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมของฝ่ายกัมพูชา

ซึ่งวันนี้ (8) กองทัพภาคที่ 1 รับผิดชอบพื้นที่ 4 อำเภอของจังหวัดสระแก้ว ได้แก่ อำเภอตาพระยา โคกสูง อรัญประเทศ และคลองหาด อพยพไปประชาชนแล้ว 175,807 คน คิดเป็นร้อยละ 81 ของพื้นที่ทั้งหมด ขณะที่กองทัพภาคที่ 2 ดำเนินการอพยพประชาชนครอบคลุม 12 อำเภอ ใน 4 จังหวัดชายแดน ได้แก่ จังหวัดศรีสะเกษ อุบลราชธานี สุรินทร์ และบุรีรัมย์ จำนวน 262,409 คน คิดเป็นร้อยละ 68 ของพื้นที่ทั้งหมด

ทั้งนี้ กองทัพบก ได้ร่วมมือกับทุกหน่วยงานในพื้นที่ เพื่อเร่งอพยพประชาชนที่เหลือออกจากพื้นที่เสี่ยงให้แล้วเสร็จโดยเร็ว พร้อมจัดตั้งศูนย์พักพิงชั่วคราว เพื่อรองรับประชาชนที่อพยพออกมา โดยเน้นการดูแลกลุ่มเปราะบางเป็นการเฉพาะ ทั้งด้านสาธารณสุข ความเป็นอยู่ และสวัสดิการพื้นฐาน ควบคู่กับการสนับสนุนสิ่งของบรรเทาทุกข์ การขนย้าย และการให้บริการประชาชนตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนสถานการณ์ให้ประชาชนรับทราบอย่างต่อเนื่อง ถูกต้อง และทันต่อเหตุการณ์

ในส่วนของการรักษาความปลอดภัยพื้นที่หมู่บ้านและแนวชายแดน กองทัพบกได้ร่วมกับฝ่ายปกครอง กองอาสารักษาดินแดนและชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน จัดตั้งจุดตรวจ จุดสกัด และเพิ่มกำลังลาดตระเวนอย่างเข้มงวด เพื่อเฝ้าตรวจสถานการณ์และรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่อย่างใกล้ชิด โดยกองทัพบก ขอความร่วมมือประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยให้รีบอพยพไปยังพื้นที่ปลอดภัยตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ พร้อมยืนยันว่า กองทัพบกจะติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่องและเตรียมมาตรการรองรับตามแผนเผชิญเหตุในทุกระดับ เพื่อให้ประชาชนได้รับความคุ้มครองสูงสุดจากสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น