“ชมรมสันติประชาธรรม” ร้องกองปราบฯ กรณี “เชื่อมจิต” อ้างพฤติกรรมหลอกลวง-ทารุณกรรมเด็ก คุกคามพระพุทธศาสนา

137

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 8 ธ.ค. 68 ที่ ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ถนนพหลโยธิน อี้ แทนคุณ จิตต์อิสระ ประธานชมรมสันติประชาธรรม , เก่ง สุเชษฐ์ ผู้ช่วย พา นาง เอ.(นามสมมุติ) อายุ 40 ปี พร้อมสามี เข้าพบพนักงานสอบสวน บก.ป.เพื่อแจ้งความร้องทุกข์เกี่ยวกับกลุ่ม”เชื่อมจิต”

อี้แทนคุณ เปิดเผยว่า การแจ้งความในครั้งนี้ สืบเนื่องจากทางชมรมสันติประชาธรรมได้พบหลักฐานและพฤติกรรมที่เชื่อว่าเป็นการหลอกลวงผู้เสียหาย รวมถึงมีการกระทำอันเป็นการ ทารุณกรรมเด็ก คนอื่น ด้วยการ “กดหัวลงน้ำ” โดยระบุว่าพฤติกรรมของเด็กที่อ้างตัวว่าเป็นอนาคามี และเคยอ้างว่าเป็นพญานาค มีความรุนแรงมากขึ้น และเป็นภัยคุกคามต่อพระพุทธศาสนาอย่างต่อเนื่องซ้ำแล้วซ้ำเล่า

อี้ แทนคุณ ระบุว่า ทางชมรมฯ เห็นว่ากรณีดังกล่าวส่งผลกระทบต่อความเชื่อและศรัทธาของประชาชน และเป็นการ แสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ จากเด็กและพระพุทธศาสนา จึงเห็นว่าถึงเวลาที่ต้องดำเนินการเพื่อปกป้อง พร้อมกันนี้ได้กล่าวถึง สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ว่ายังคง นิ่งดูดาย และ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ ในการปกป้องคุ้มครองพระพุทธศาสนา ในการแจ้งความร้องทุกข์ครั้งนี้ ทางชมรมสันติประชาธรรมได้นำ ผู้เสียหาย 2 ราย เข้ามาแจ้งความด้วยตนเอง พร้อมทั้งได้ มอบหลักฐานต่างๆ อีกมากมาย ให้แก่พนักงานสอบสวนกองปราบปราม เพื่อให้มีการสืบสวนสอบสวนและดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

นางเอ (นามสมมติ) ซึ่งเป็นอดีตสมาชิกในกลุ่มไลน์โอเพ่นแชตที่เกี่ยวข้องกับกรณีดังกล่าว ได้เดินทางมาให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยนางเอได้เปิดเผยถึงเบื้องหลังพฤติกรรมแปลกประหลาดและการหลอกลวงภายในกลุ่มที่ใช้ชื่อว่า “อาจารย์น้อง”พร้อมระบุ ตนได้รับการชักชวนจากเพื่อนในต่างประเทศให้เข้าร่วมกลุ่มไลน์โอเพ่นแชต โดยกลุ่มย่อยแต่ละกลุ่มมีสมาชิกถึง 500 คน ตนสนใจอยากลองศึกษาจึงเข้าร่วมกลุ่มตั้งแต่เดือนตุลาคม 2567 ซึ่งในช่วงแรกมีการพาไปร่วมกิจกรรมในจังหวัดต่างๆ เช่น ทำบุญ ปลดปล่อยพญานาค หรือแม้กระทั่งอ้างว่า ติดต่อมนุษย์ต่างดาว


อย่างไรก็ตาม จนกระทั่งเดือนเมษายน 2568 ตนเริ่มเห็นว่าเรื่องราวทั้งหมดไม่ใช่เรื่องจริง จึงตัดสินใจออกจากกลุ่ม ตลอดเวลาที่อยู่ในกลุ่มนางเอพบเห็นพฤติกรรมที่น่ากังขาหลายอย่าง เช่น อวดอ้างการหายตัว มีการโชว์รูปถ่ายที่ “อาจารย์น้อง” อวดอ้างว่าสามารถหายตัวได้ ซึ่งนางเอไม่แน่ใจว่าใช้โปรแกรมตัดต่อใดๆ มาทำให้สมาชิกหลงเชื่อ การเรี่ยไรเงินมีการเปิดรับบริจาค “กองทุนต่างๆ” ที่เกี่ยวข้องกับตัวอาจารย์น้องโดยเฉพาะ เช่น กองทุนสำหรับใช้จ่ายในการเรียน คำสอนที่บิดเบือน การพูดสอนธรรมะของอาจารย์น้อง “มั่ว” และ ไม่ตรงกับหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา

นอกจากพฤติกรรมหลอกลวงแล้ว สิ่งที่ทำให้นางเอรับไม่ได้มากที่สุดคือการกระทำที่รุนแรงต่อเด็ก นางเอระบุว่า มีการอวดอ้างตัวเป็นผู้ทำให้คนอื่นบริสุทธิ์ และครั้งหนึ่งอาจารย์น้องได้ จับเด็กหญิงลูกสาวของแอดมินคนหนึ่ง “กดน้ำ” หลายครั้ง โดยมีผู้ใหญ่คนอื่นยืนเชียร์และไม่มีใครห้ามปราม นอกจากนี้ ยังมีเหตุการณ์ที่ เด็กหญิงอีกรายถูกอาจารย์น้อง “บีบคอ” ซึ่งเป็นภาพที่นางเอเห็นแล้วรับไม่ได้อย่างยิ่ง และเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้นางเอยินดีที่จะมาให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในวันนี้ แม้ว่าตนจะถูก แอดมินในกลุ่มพยายามไล่ล่าและบังคับไม่ให้นำข้อมูลเหล่านี้ออกมาเปิดเผยต่อสาธารณะก็ตาม