พลันที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นำทีมแถลงผลยึดอายัดทรัพย์ 3 เครือข่ายใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับสแกมเมอร์ข้ามชาติ ได้แก่ เครือข่ายนายยิม เลียก ชาวกัมพูชา นายเบน สมิธ สัญชาติกัมพูชา นายก๊ก อาน ชาวจีน และนายเฉิน จื้อ ชาวจีน มูลค่ารวมกันกว่าหมื่นล้านบาท เสร็จสิ้นลง

มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากสื่อกระแสหลักและสื่อโซเชียลแตกต่างกันไป สื่อกระแสหลักและสื่อโซเชียลที่อยู่ตรงข้ามรัฐบาลวิจารณ์ในทำนองว่าต้องการเบี่ยงประเด็นดราม่าถึงความล้มเหลวในการบริหารจัดการมหาอุทกภัยในพื้นที่ 8 จังหวัดปลายด้ามขวาน โดยเฉพาะพื้นที่ อ.หาดใหญ่ ที่สูญเสียสาหัสสุดเทียบเท่ามหาวาตภัยสึนามิ ส่วนสื่อที่เชียร์รัฐบาลจะชื่นชมว่าเป็นผลงานโชว์เด่นที่ไม่เคยมีรัฐบาลชุดไหนทำมาก่อน ตรงกับเสียงคุยเชิงข่มจากปากนายอนุทิน ว่าไม่เคยมีรัฐบาลชุดไหนจะปราบปรามแก๊งสแกมเมอร์และยึดทรัพย์ได้นับหมื่นล้านบาท
เวลาผ่านไปเพียงไม่กี่ชั่วโมงเกิดประเด็นดราม่าใหม่ เมื่อสื่อบางสำนักปล่อยภาพถ่ายหมู่หลายภาพ อาทิ ภาพที่มีนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายสารัชถ์ รัตนวดี พล.ต.อ.วิษณุ ปราสาททองโอสถ นายอุปกิต ปาจรียางกูร และพล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ยืนโอบไหล่นายเบน สมิธ รวมถึงภาพที่นายเบน สมิธ ยืนคุยกับนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และภาพนายเบน สมิธ ไปร่วมงานแต่งงานบุตรสาวพล.อ.อภิรัชต์ มีนายฉัตรชัย พรหมเลิศ ประธานบอร์ดคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ร่วมเฟรมด้วย
กลุ่มบุคคลเหล่านี้คงไม่ต้องบอกว่ามีบทบาทสำคัญในแวดวงธุรกิจและการเมืองไทยแค่ไหน ไม่ต้องบอกว่าอดีตเคยดำรงตำแหน่งสำคัญอะไรและปัจจุบันดำรงตำแหน่งอะไร เพราะคอข่าวหรือคอข่าวการเมืองต่างทราบกันดี
เมื่อภาพถ่ายเหล่านี้กลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในวงกว้าง เกิดปรากฏการณ์ เบน สมิธ ไร้เพื่อน เพราะต่างออกมาปฏิเสธว่าไม่ใช่เพื่อน แต่เป็นเพื่อนของเพื่อน เจอกันแค่ 5–6 ครั้ง หรือไปร่วมงานแต่งแบบไม่ได้รับเชิญ พฤติกรรมเหล่านี้ประชาชนพอมองออก เพราะทุกคนกินข้าวกินปลาเป็นอาหารและไม่ได้มีหัวไว้คั่นหู
ครั้นมาส่องความเคลื่อนไหวของกลุ่มที่ถูกยึดทรัพย์และถูกออกหมายจับ ได้แต่งตั้งทนายความเตรียมสู้คดี พร้อมแถลงการณ์ปฏิเสธว่าไม่เคยรู้จักคนที่ปรากฏชื่อเป็นบัญชีม้า ปปง. ใช้ความพยายามเชื่อมโยงบุคคลดังกล่าวกับลูกความเพื่อยึดและอายัดทรัพย์ไว้ตรวจสอบมาครั้งหนึ่งแล้ว ขณะนั้นปปง. ได้พิจารณาแล้วเห็นว่าทรัพย์สินดังกล่าวมิได้เกี่ยวกับการกระทำผิด จึงได้สั่งเพิกถอน ซึ่งลูกความยังคงยืนยันในข้อเท็จจริงและพร้อมให้ข้อมูลที่จำเป็นเพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถเข้าใจถึงข้อเท็จจริงอย่างครบถ้วน
สะท้อนได้ว่าผู้ถูกกล่าวหาพร้อมสู้คดีเพื่อเอาทรัพย์คืน เมื่อผนวกกับภาพหมู่ที่ปรากฏตามสื่อ เชื่อว่าประชาชนทั่วไปคงคาดเดาได้ว่าจะจบแบบไหน เพราะสังคมไทยมากด้วยระบบอุปถัมภ์ ผลประโยชน์เอื้อกันย่อมจะเปิดช่องช่วยเหลือกันได้
ทำให้นึกถึงคดีที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) และปปง. ถูกฟ้องเรียกค่าเสียหายจำนวน 2 คดีเกือบหมื่นล้านบาท คดีแรก บริษัท โอเอ ทรานสปอร์ต จำกัด บริษัท เอเชียวิชั่น ทราเวิล จำกัด บริษัท รอยัล ดรากอน ทรานสปอร์ต จำกัด บริษัท รอยัล พารากอน ทรานสปอร์ต จำกัด บริษัท ออล สตาร์ ทรานสปอร์ต จำกัด และบริษัท อาร์ จี ทรานสปอร์ต จำกัด โจทก์ที่ 1–6 ฟ้องสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จำเลยที่ 1 สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) จำเลยที่ 2 พล.ต.อ.ชัยยะ ศิริอำพันธ์กุล จำเลยที่ 3 (อดีตเลขาธิการปปง.) ในคดีหมายเลขดำที่ พ 5277/2560 ศาลแพ่ง ข้อหาละเมิด เรียกค่าเสียหาย ให้เพิกถอนคำสั่งยึดอายัดและให้คืนทรัพย์สิน จำนวนทุนทรัพย์ 8,332,954,500 บาท
คดีที่ 2 คดีเลขคดีดำที่ พ 5049/2567 ของศาลแพ่ง โดยบริษัท รอยัล เจมส์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด โจทก์ที่ 1 บริษัท บางกอก แฮนดิคราฟท์ เซ็นเตอร์ จำกัด โจทก์ที่ 2 บริษัท รอยัล ไทย เฮิร์บ จำกัด โจทก์ที่ 3 ฟ้องสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นจำเลยที่ 1 สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน จำเลยที่ 2 ฐานละเมิด เรียกค่าเสียหาย เรียกค่าขาดประโยชน์ จำนวนทุนทรัพย์ 2,292,434,543 บาท
ทั้งสองคดีอยู่ในขั้นตอน ตร. ขออัยการแก้ต่างคดีแพ่งและอยู่ในชั้นพิจารณาของศาลแพ่ง คดีนี้เบื้องหน้าเบื้องหลังแวดวงสีกากีกำลังลุ้นให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรองผบ.ตร. ออกมาแฉ
ดังนั้นการยึดและอายัดทรัพย์ของนายยิม เลียก นายเบน สมิธ นายก๊ก อาน และนายเฉิน จื้อ อาจจะซ้ำรอยคดีที่ตร.และปปง.โดนฟ้อง ตามตัวอย่างที่ยกมา หรือจะจบด้วยการคืนทรัพย์สินให้แบบเงียบๆ เหมือนหลายคดีในอดีตที่จับกุมแถลงข่าวครึกโครม แต่พอถอนอายัดไม่ได้แถลงให้สังคมรับทราบแต่อย่างใด
แต่คดีนี้อาจจะมีฟ้องแก้เกี้ยวแล้วค่อยถอนฟ้องภายหลัง เพราะโอกาสที่จะถอนอายัดแบบเงียบๆ เป็นไปได้สูง โดยความเป็นไปได้นี้จะเกี่ยวข้องกับภาพถ่ายที่แพร่ในสื่อโซเชียลด้วยหรือไม่สุดจะคาดเดา แต่ที่สำคัญการจับกุมครั้งนี้จับจริงตามที่นายอนุทินคุยโว หรือแค่ปาหี่สร้างภาพ คงต้องติดตาม !!!


