‘ปปง.’ ยึดอายัดทรัพย์สิน “เฉินจื้อ-ก๊กอาน“ เครือข่าย ‘เบน สมิธ‘ กว่าหมื่นล้าน

196

คณะกรรมการธุรกรรมยึดและอายัดทรัพย์สินในคดีสำคัญมูลค่ารวมกว่า 10,165 ล้านบาทเชื่อมโยงเครือข่ายองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ขบวนการสแกมเมอร์ (Scammer)

นายวิทยา นีติธรรม ผู้ช่วยเลขาธิการ ปปง. และโฆษกประจำสำนักงาน ปปง.

วันที่ 3 ธันวาคม 2568 นายวิทยา นีติธรรม ผู้ช่วยเลขาธิการ ปปง. และโฆษกประจำสำนักงาน ปปง. แถลงว่า ตามที่ คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2568 กำหนดให้เรื่องการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยีเป็น “วาระแห่งชาติ” โดย นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้เป็นประธานและสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึก ความเข้าใจ (Memorandum of Understanding: MOU) ว่าด้วยความร่วมมือในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีร่วมกันระหว่าง 15 หน่วยงาน พร้อมกับ “ประกาศสงครามกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (Scammer)”” เพื่อเดินหน้าปฏิบัติการเชิงรุกในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีอย่างเข้มข้น ทั้งการบังคับใช้กฎหมายอย่างเฉียบขาด การบูรณาการเชื่อมโยงข้อมูลด้านข่าวกรองและการสืบสวนระหว่างหน่วยงานการยึดและอายัดทรัพย์สินคนร้ายทันทีเพื่อตัดเส้นทางการเงินไม่ให้ใช้ประเทศไทยเป็นฐานฟอกเงิน การใช้เทคโนโลยีขั้นสูงและ AI ในการตรวจจับเส้นทางเงินเพื่อสกัดก่อนเกิดเหตุและการสร้างภูมิคุ้มกันให้ประชาชน นั้น

นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย



สำนักงาน ปปง. สืบสวนขยายผลและบูรณาการร่วมกันกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับขบวนการสแกมเมอร์ (Scammer) ที่มีลักษณะเป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะภัยจากมิจฉาชีพที่มีพฤติการณ์ใช้โทรศัพท์หลอกลวงประชาชน (แก๊ง Call Center) อันเป็นความผิดมูลฐานเกี่ยวกับการฉ้อโกงประชาชน และการฉ้อโกงอันมีลักษณะเป็นปกติธุระคณะกรรมการธุรกรรม

ซึ่งมีนายเทพสุ บวรโชติดารา เลขาธิการ ปปง. เป็นกรรมการและเลขานุการ และนายกมลสิษฐ์ วงศ์บุตรน้อย รองเลขาธิการ ปปง. เข้าร่วมประชุมฯจึงได้มีมติในการประชุมครั้งที่ 13/2568 เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2568 ให้ยึดและอายัดทรัพย์สิน ที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดในคดีสำคัญ ที่เป็นเครือข่ายผู้กระทำความผิดอาชญากรรม ทางเทคโนโลยี ในขบวนการสแกมเมอร์ (Scammer) ที่มีลักษณะเป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ดังนี้

1. รายคดี นายเฉิน จื้อ กับพวก สำนักงาน ปปง. ได้ตรวจสอบพบข้อมูลเครือข่ายการฉ้อโกงออนไลน์ การค้ามนุษย์ และการฟอกเงินผ่านสกุลเงินดิจิทัล โดยมีฐานใหญ่อยู่ในกัมพูชา เชื่อมโยง นายเฉิน จื้อ กับพวก เป็นผู้ก่อตั้งและประธานกลุ่มบริษัท Prince Holding Group(Prince Group) ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจข้ามชาติในราชอาณาจักรกัมพูชา กลุ่มเครือข่ายองค์กรอาชญากรรมในแต่ละคดี มีความเกี่ยวข้องกันและใช้วิธีการฟอกเงินที่ได้จากการกระทำความผิด โดยเปลี่ยนสภาพระหว่างเงินตราในแต่ละประเทศกับสินทรัพย์ดิจิทัล และตรวจสอบพบบุคคลที่มีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์ในคดีนี้ ประกอบกับมีเส้นทางการเงินเชื่อมโยงถึงกันไปสู่บุคคลที่อยู่ในเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ โดยใช้การหลอกลวงในหลายรูปแบบ หลายขั้นตอน เป็นขบวนการหลอกลวงในลักษณะ ไฮบริดแสกม ในการนี้ คณะกรรมการธุรกรรมมีคำสั่งให้ยึดทรัพย์สิน

ที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด จำนวน 102 รายการ (เช่น ที่ดิน เงินสด สินค้าแบรนด์เนม และเครื่องประดับ) รวมมูลค่าประมาณ 373 ล้านบาท (คำสั่ง ย. 293/2568)

2. รายคดี นายก๊ก อาน (MR.KOK AN) กับพวก สืบเนื่องจากกรณีการจับกุมผู้กระทำความผิดฐานมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติและฟอกเงิน ราย น.ส.ปาริฉัตต์ฯ

กับพวก กรณี น.ส.ชาล็อตฯ ถูกคนร้ายหลอกลวงเสียหาย โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนขยายผลพบความเชื่อมโยงกลุ่มผู้กระทำความผิดอันมีลักษณะขององค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งมีศูนย์ปฏิบัติการในราชอาณาจักรกัมพูชา เช่น อาคาร 25 ชั้น อาคาร 18 ชั้น อาคาร Hiso และอาคาร Crown Casino มีขบวนการให้เจ้าของบัญชีม้าสแกนใบหน้าเพื่อยืนยันการทำธุรกรรมโดยมีนายก๊ก อาน สัญชาติกัมพูชา เป็นเจ้าของสถานที่ พบข้อมูลเครือข่ายการฉ้อโกงประชาชนที่มีลักษณะเป็นการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี มีการรับโอนเงินผ่านบัญชีเงินฝากธนาคาร และนำเงินที่ได้จากการกระทำความผิดมาซื้อทรัพย์สิน ให้ผู้เกี่ยวข้องสัมพันธ์ถือกรรมสิทธิ์แทนในทรัพย์สินจำนวนมากในประเทศไทย ในการนี้ คณะกรรมการธุรกรรมมีคำสั่งให้ยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด จำนวน 90 รายการ (เช่น ที่ดิน และเงินในบัญชีเงินฝากธนาคาร) รวมมูลค่าประมาณ 467 ล้านบาท (คำสั่ง ย. 297/2568)

3. รายคดี นางสาวแตงไทยฯ กับพวก กรณีการหลอกลวงผู้เสียหายว่าเป็นผู้กระทำความผิดกฎหมายประการต่างๆ และอ้างว่าต้องถูกตรวจสอบ เนื่องจากบัญชีเงินฝากธนาคารของผู้เสียหายเกี่ยวพันกับการฟอกเงิน ใช้อุบายหลอกลวงว่าหากต้องการยืนยันความบริสุทธิ์ต้องโอนเงินมาเพื่อตรวจสอบ จากการสืบสวนเส้นทางการเงินขยายผลเครือข่ายผู้กระทำความผิด พบข้อมูลว่า นางสาวแตงไทยฯ ได้รับมอบอำนาจให้ทำธุรกรรมเกี่ยวกับบัญชีเงินฝากธนาคารของ นายยิม เลียก หรือ MR. LEAK YIM ซึ่งเป็นบุคคลใกล้ชิดทายาทเครือข่ายผู้มีอิทธิพลในกัมพูชา เป็นเครือข่ายสแกมเมอร์ ที่หลอกลวงผู้เสียหายเชื่อมโยงกับเส้นทางการเงินของผู้กระทำความผิดมูลฐานพบข้อมูลการทำธุรกรรม เชื่อมโยงไปยังนายเบน สมิธ หรือ MR. SMITH BEN รวมทั้งบุคคลและนิติบุคคลจำนวนมาก กรณีดังกล่าวมีพฤติการณ์กระทำความผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกงประชาชนมีการโอนเงินไปมาระหว่างบริษัทต่าง ๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เสมือนว่ามีการดำเนินธุรกิจ และใช้บริษัทในการถือครองทรัพย์สินแทนตนเอง และบุคคลใกล้ชิด ซึ่งเป็นการทำธุรกรรมทางการเงินและการถือครองทรัพย์สินในลักษณะที่มีความซับซ้อนสูง ในการนี้ คณะกรรมการธุรกรรมมีคำสั่งให้ยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด จำนวน 66 รายการ (เช่น ที่ดิน ห้องชุด หลักทรัพย์ในบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ และเงินในบัญชีเงินฝากธนาคาร) รวมมูลค่าประมาณ 9,279 ล้านบาท (คำสั่ง ย. 300/2568)

จากการรวบรวมพยานหลักฐาน สำนักงาน ปปง. พบทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำเพิ่มเติม และกรณีมีความจำเป็นเร่งด่วน เลขาธิการ ปปง. จึงใช้อำนาจตามมาตรา 48 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 มีคำสั่งยึดทรัพย์สิน​ที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด (เพิ่มเติม) ในรายคดีดังกล่าว (คำสั่ง ย.301/2568)

โดยยึดทรัพย์สินประเภทยานพาหนะ รวม 3 รายการ ประกอบด้วย
1.รถยนต์นั่งส่วนบุคคล ยี่ห้อ ZEEKR รุ่น ZEEKR 009
2. รถยนต์นั่งส่วนบุคคล ยี่ห้อ FERRARI รุ่น 488 GTB
3. รถยนต์นั่งส่วนบุคคล ยี่ห้อ PORSCHE รุ่น CAYENNE S E-HYBRID COUPE
โดยทรัพย์สินทั้ง 3 รายการข้างต้นอยู่ระหว่างการประเมินราคา


4. รายคดี นายเอื้ออังกูรฯ กับพวก กรณี กลุ่มมิจฉาชีพชักชวนให้ประชาชนลงทุนเทรดหุ้น ผ่านกลุ่มไลน์ชื่อ กลยุทธ์การลงทุน ซึ่งเป็นกลุ่มที่สอนการลงทุน ให้ข้อมูลผลกำไร เป็นลักษณะการจูงใจเพื่อให้ร่วมลงทุนจนหลงเชื่อจึงตัดสินใจเข้าลงทุนด้วยผ่านแอปพลิเคชัน ULELA Max จากการสืบสวนขยายผล ตรวจสอบเส้นทางการเงินพบว่ามีการนำเงินที่ได้จากการหลอกลงทุนมีการนำไปเปลี่ยนแปลงเป็นเหรียญสกุลเงินดิจิทัล (USDT) จากนั้นได้มีการโอนเหรียญไปยังกระเป๋าดิจิทัล เชื่อโยงไปยังเครือข่ายของกลุ่มอาชญากรรมข้ามชาติ กลุ่มบริษัทสัญชาติกัมพูชา คณะกรรมการธุรกรรมมีคำสั่งให้ยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด จำนวน 31 รายการ (เงินสด และเงินในบัญชีเงินฝากธนาคาร) รวมมูลค่าประมาณ 46 ล้านบาท (คำสั่ง ย. 296/2568)

อนึ่ง คำสั่งยึดและอายัดทรัพย์สินไว้ชั่วคราวดังกล่าวมีกำหนดไม่เกินเก้าสิบวัน หากผู้ถูกยึดและอายัดทรัพย์สินหรือผู้มีส่วนได้เสียในทรัพย์สินด้งกล่าว ประสงค์จะขอให้มีการเพิกถอนคำสั่งนั้น
ให้ยื่นคำขอเป็นหนังสือต่อเลขาธิการ ปปง. พร้อมด้วยหลักฐานที่เกี่ยวข้อง ที่แสดงว่าทรัพย์สินที่ถูกยึดและอายัดดังกล่าวมิใช่ทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดภายในสามสิบวันนับตั้งแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเป็นหนังสือ