วันที่ 29 พ.ย.68 นายกัณวีร์ สืบแสง สส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม ลงพื้นที่น้ำท่วมถนนแสงศรี อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ซึ่งพบว่ามีความเสียหายอย่างหนัก ชาวบ้านเล่าให้ฟังว่าติดอยู่บ้านชั้น 2 นานกว่า 4 วัน บางบ้านต้องเจาะกำแพงเพื่ออพยพ แต่ไม่สามารถออกนอกพื้นที่ได้ เนื่องจากไม่มีหน่วยงานเข้าช่วยเหลือ
นายกัณวีร์ เปิดเผยว่า แม้เจ้าหน้าที่จะเคลียร์พื้นที่ระดับหนึ่ง แต่ประชาชนยังขาดสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน ไม่ว่าจะเป็นไฟฟ้า น้ำประปา ซึ่งจะต้องนำกลับคืนมาให้ประชาชนอย่างเร็วที่สุด วันนี้น้ำลดลงเป็นวันที่ 2 ควรจะรีบฟื้นฟูเรื่องการติดต่อสื่อสาร เพราะจากการสำรวจยังพบว่ามีประชาชนที่ติดค้างอยู่และยังต้องการอาหาร ไม่ใช่แค่ว่าจะฟื้นฟูอย่างไร เพราะหาดใหญ่เป็นเมืองเศรษฐกิจ เราจะทำอย่างไรกับประชาชนในเมืองเศรษฐกิจ ตอนนี้เขาไม่ได้เริ่มจากศูนย์แต่เริ่มจากติดลบ ต้องคิดว่าต่อไปจะเดินหน้าอย่างไร เศรษฐกิจขั้นพื้นฐานอย่างร้านเล็ก ๆ เช่น ร้านอาหาร ร้านไอศกรีม ร้านดอกไม้ รัฐบาลจะออกมาตรการเยียวยาอย่างไร จะมีการพักชำระหนี้หรือไม่
รัฐบาลชุดนี้ได้เรียนรู้มาแล้วตั้งแต่สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งมีประชาชนต้องอพยพออกมาจากพื้นที่ 7 จังหวัด 20 อำเภอ มีหนี้สินมากมายเยียวยาอย่างเดียวไม่เพียงพอ คณะรัฐมนตรีต้องมีการพิจารณาพักชำระหนี้ให้กับประชาชน จะต้องมีการพิจารณาและทบทวนให้ดี เพื่อฟื้นฟูเยียวยาให้ประชาชนกลับสู่สภาวะปกติ ประสานงานเรื่องไฟฟ้า น้ำประปา และโทรคมนาคม เพื่อทำให้เศรษฐกิจกลับคืนมา
รัฐบาลจะต้องมีการวางแผนเศรษฐกิจขั้นพื้นฐานเนื่องจากอำเภอหาดใหญ่เป็นเมืองระดับกลาง-ใหญ่ การจะนำสิ่งต่าง ๆ เข้ามาสนับสนุนผู้ได้รับผลกระทบ จะระดมของเข้ามาอย่างเดียวไม่ได้ ควรจะจัดให้เป็นระบบ เพราะการระดมสิ่งของเข้ามาเป็นเพียงการเผชิญสถานการณ์ฉุกเฉินเท่านั้น การให้ทุกทรัพยากรเข้ามาที่หาดใหญ่เช่นนี้ อำเภอหาดใหญ่จะกลายเป็นการรวมการช่วยเหลือแบบการเผชิญสถานการณ์ฉุกเฉิน รัฐบาลควรพิจารณาเรื่องการขนส่งสิ่งของผ่านช่องทางต่าง ๆ เพราะประชาชนขอให้มีการส่งเข้ามาผ่านทางรถไฟและแจกจ่ายอย่างเป็นระบบ
“อย่าเผชิญสถานการณ์ฉุกเฉินตลอดไปเพราะไม่ยั่งยืน ทำอย่างไรในการแก้ปัญหาช่วยเหลือเยียวยาประชาชนแบบยั่งยืน ไม่ใช่แค่ให้กลับคืนสู่สภาพปกติแต่เศรษฐกิจขั้นพื้นฐานจะต้องกลับคืนด้วย นี่เป็นสิ่งสำคัญ” นายกัณวีร์ กล่าว
