กรุงเทพฯ, วันที่ 20 พฤศจิกายน – นายอัครา พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) เป็นประธานเปิดงานมหกรรมจังหวัดน่าอยู่สำหรับเด็ก “รวมพลังสร้างเด็กไทย สานต่อน้ำพระทัยพระพันปีหลวง” และเวทีสิทธิเด็ก ครั้งที่ 36 “พลังแห่งความอ่อนโยน : The Power of Kindness” เนื่องในวันสิทธิเด็กสากล ประจำปี 2568 พร้อมทั้งรับมอบข้อเสนอจากประธานสภาเด็กและเยาวชนแห่งประเทศไทย และผู้แทนเด็ก โดยมี นางอภิญญา ชมภูมาศ อธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชน คณะผู้บริหาร พม. และผู้แทนภาคีเครือข่ายด้านเด็กและเยาวชน อาทิ สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัด สภาเด็กและเยาวชน เครือข่ายเด็กและเยาวชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วม
ทั้งนี้มีการประกาศเกียรติคุณแก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น “ศูนย์ชุมชนคุ้มครองเด็กต้นแบบดีเด่น” จำนวน 11 รางวัล และ “ศูนย์ชุมชนคุ้มครองเด็กต้นแบบ ระดับจังหวัด”จำนวน 47 รางวัล , นิทรรศการ พระราชกรณียกิจสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ด้านเด็กและเยาวชน , เวทีเสวนา หัวข้อ ความร่วมมือเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตเด็กในท้องถิ่น ด้วยการขับเคลื่อนงานชุมชน ภายใต้แนวคิด “ชุมชนนำ” และนิทรรศการผลงานของกรมกิจการเด็กและเยาวชน หน่วยงานสังกัดกระทรวง พม. และภาคีเครือข่ายด้านเด็กและเยาวชน

นายอัครา กล่าวว่า ไทยจัดงาน “เวทีสิทธิเด็ก” มาอย่างต่อเนื่อง 36 ปี ตั้งแต่ปี 2532 เป็นต้นมา โดยปีนี้เป็นวาระครบ 33 ปี ที่ไทยเข้าเป็นภาคีของอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก นับเป็นการร่วมสร้างพลังของเด็กและเยาวชนให้มีส่วนร่วมในการเรียนรู้สิทธิเด็กตามอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก และการป้องกันความรุนแรงเพื่อสร้างสังคมแห่งความปลอดภัย ผ่านการรับฟังเสียงสะท้อนจากเด็กและเยาวชน ผ่านการจัดทำข้อเสนอแนะเพื่อยุติความรุนแรงด้านร่างกาย จิตใจ และสังคม ในเวทีสิทธิเด็ก ครั้งที่ 36
ซึ่งกระทรวง พม. โดยกรมกิจการเด็กและเยาวชน (ดย.) ได้ขับเคลื่อนงานสิทธิเด็กอย่างเป็นรูปธรรมภายใต้แนวคิด “จังหวัดน่าอยู่สำหรับเด็ก” ในพื้นที่ 76 จังหวัด ด้วยการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเติบโตของเด็กอย่างมีคุณภาพ โดยเฉพาะการทำงานในระดับพื้นที่จังหวัด อำเภอ และท้องถิ่น รวมถึงการทำงานในรูปแบบอาสาสมัคร เนื่องจากเป็นผู้ที่อยู่ในสภาพแวดล้อมใกล้ชิดกับเด็กมากที่สุด โดยมีศูนย์ชุมชนคุ้มครองเด็กระดับท้องถิ่น จำนวน 7,488 แห่งทั่วประเทศ สร้างกลไกการปกป้องคุ้มครองเด็กและพัฒนาคุณภาพชีวิตเด็ก ภายใต้หุ้นส่วนการคุ้มครองเด็กในระดับพื้นที่ ที่ช่วยยกระดับ “ศูนย์ชุมชนคุ้มครองเด็ก” สู่ระดับต้นแบบที่มีความเข้มแข็ง ยั่งยืน และพร้อมขยายพื้นที่ศูนย์ชุมชนคุ้มครองเด็กต้นแบบสู่พื้นที่อื่น

รมว.พม. กล่าวว่า ขณะนี้ พม. ได้ขับเคลื่อนภารกิจ ตามนโยบาย “พม.ใกล้คุณ” ลดรายจ่าย สร้างรายได้ รีสตาร์ทชีวิต ที่ครอบคลุมทั้งด้านคุณภาพชีวิต ด้านกลุ่มคนเปราะบาง ด้านการศึกษา และด้านอาชีพ โดยยึดประชาชนและครอบครัวเป็นศูนย์กลาง และการดูแลทุกครอบครัวอย่างไร้รอยต่อแบบ Family First ที่ต้องเริ่มต้นที่ครอบครัว และมีการเชื่อมโยงสิทธิด้านสวัสดิการสังคมและการคุ้มครองทางสังคม โดบมีการลงนาม MOU กันระหว่าง 4 กระทรวง 3 สมาคมองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้แก่ พม., กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ , กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา , กระทรวงศึกษาธิการ, สมาคมองค์การบริหารส่วนจังหวัดแห่งประเทศไทย , สมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย และสมาคมองค์การบริหารส่วนตำบลแห่งประเทศไทย
นายอัครา กล่าวว่า วันนี้ได้รับฟังเสียงสะท้อน และความต้องการของเด็กและเยาวชน ซึ่งได้ให้นโยบาย “พม.ใกล้คุณ” เพื่อให้เด็กและเยาวชนมีรายได้ระหว่างเรียน เพราะปัจจุบัน เด็กและเยาวชนมีความรู้ความสามารถในการใช้เทคโนโลยีต่างๆ และสามารถนำมาเป็นช่องทางประกอบอาชีพและหารายได้ให้กับตนเองในระหว่างเรียนได้ โดยเราจะบูรณาการร่วมกับสถานศึกษา เพื่อฝึกทักษะดังกล่าวให้เด็กและเยาวชนมีร้านค้าออนไลน์และสร้างรายได้ต่อไป ซึ่งวันนี้ กิจกรรมของเด็กและเยาวชนจะไม่ใช่แค่กิจกรรมที่พูดกันบนเวที แสดงออกทางด้านสังคมอย่างเดียว แต่จะมีเยาวชนต้นแบบที่มีรายได้ระหว่างเรียน พร้อมทำกิจกรรมเพื่อสังคม

สำหรับข้อเสนอจากประธานสภาเด็กและเยาวชนแห่งประเทศไทยและผู้แทนเด็กในเวทีสิทธิเด็ก ครั้งที่ 36 แบ่งเป็นข้อเสนอ 3 ระดับ ได้แก่ 1. ข้อเสนอจากเด็กต่อเด็ก โดยเด็กต้องการให้เพื่อน ๆ ร่วมกันสร้างสังคมที่ปลอดภัย รับฟังกัน หยุดการรังแก เคารพสิทธิและความหลากหลาย และให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกัน 2. ข้อเสนอจากเด็กต่อสภาเด็กและเยาวชน โดยเด็กต้องการให้สภาเด็กและเยาวชน เป็นพื้นที่กลางให้ความรู้ เปิดพื้นที่รับฟัง ส่งเสริมสิทธิเด็ก และเชื่อมเสียงเด็กสู่สังคมและนโยบาย และ 3. ข้อเสนอจากเด็กต่อผู้ใหญ่ โดยเด็กต้องการให้ผู้ใหญ่รับฟังอย่างจริงจัง เข้าใจบริบทของเด็ก ปรับระบบการศึกษา คุ้มครองความปลอดภัย และสนับสนุนบริการทางสุขภาพกายจิต และส่งเสริมการเข้าถึงโอกาสที่เท่าเทียมสำหรับเด็กทุกคน

