หน้าแรกกระบวนการยุติธรรมเหยื่อสาววัย 19 ปี ร้องสื่อฯ ถูกคนขับรถโดยสารแอปฯ ดัง ล่วงละเมิด–หวังข่มขืนคารถ ใช้เข็มขัดนิรภัยมัด ก่อนวิ่งหนีเอาชีวิตรอด

เหยื่อสาววัย 19 ปี ร้องสื่อฯ ถูกคนขับรถโดยสารแอปฯ ดัง ล่วงละเมิด–หวังข่มขืนคารถ ใช้เข็มขัดนิรภัยมัด ก่อนวิ่งหนีเอาชีวิตรอด

เมื่อวันที่ 20 พ.ย. 68 น.ส.อริสรา มิตรขุนทด อายุ 19 ปี สาวอาชีพรับจ้างทั่วไป ได้ร้องเรียนขอความช่วยเหลือจากนายโชติอนันต์ เลิศฤทธิ์ภูวดล หรือ “เสี่ยเป้ บางกรวย” ผู้ก่อตั้งเพจ “เป้ บางกรวย – นนทบุรีไม่ทิ้งกัน” หลังจากกำลังเดินทางไปร้านสักได้ถูกคนขับรถยนต์รับส่งผู้โดยสารผ่านแอปพลิเคชัน Bolt ล่อลวง ลวนลาม และพยายามข่มขืนระหว่างเดินทางจากหอพักบริเวณถนนจันทน์ 24 เพื่อไปยังร้านสักลาย Smoothtattoo ตำบลมหาสวัสดิ์ อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี

ผู้เสียหายเรียกรถผ่านแอปจากตำแหน่งหอพักให้ไปส่งยังร้านสัก ระยะทางประมาณ 23 กิโลเมตร แต่ระหว่างนั่งรถ คนขับกลับพยายามหว่านล้อมหลอกชวนให้ไปโรงแรม เมื่อถึงจุดใกล้ปลายทางข้างร้านสักประมาณ 5 เมตร คนขับได้จอดรถก่อนปีนจากเบาะคนขับมาด้านหลัง ใช้มือสอดใต้กระโปรงและกางเกงขาสั้นล่วงละเมิดผู้เสียหาย ใช้นิ้วสอดใส่อวัยวะเพศ จับกดกับเบาะ พร้อมใช้เข็มขัดนิรภัยของผู้โดยสารพยายามรัดตัวเพื่อข่มขืน แต่ผู้เสียหายดิ้นหนีได้ทัน รีบวิ่งออกจากรถไปขอความช่วยเหลือจากร้านสัก ขณะที่ผู้ก่อเหตุขับรถยนต์ BYD Atto 3 สีเทา ทะเบียน 5ขภ4955 ไม่ทราบหมวดจังหวัด ขับหลบหนีไปทันที

น.ส.อริสรา เปิดใจกับผู้สื่อข่าวด้วยเสียงสั่นเครือว่า เหตุเกิดเมื่อวันที่ 10 ก.ย. 68 เวลาประมาณ 13.00 น. ตนเรียกรถจากถนนจันทน์ 24 มาบางกรวย แต่สังเกตว่าคนขับจอดรถไม่ตรงตามหมุดที่ตั้งไว้ตั้งแต่แรก พอขึ้นรถคนขับก็เริ่มพูดชวนคุยและชมเชยต่าง ๆ เช่น “ชอบหนูนะ หนูน่ารัก หนูสวย หน้าตาเหมือนลูกครึ่ง” พร้อมหลอกล่อชวนไปที่พักของตนเอง ทั้งที่ยอมรับว่ามีภรรยาอยู่แล้ว ผู้เสียหายปฏิเสธตลอด แต่เมื่อใกล้ถึงร้านสัก คนขับกลับจอดรถกลางทางแล้วพูดว่า “ขอจอดตรงนี้ได้ไหม” ผู้เสียหายจึงตอบตกลงระหว่างกำลังหยิบกระเป๋าสตางค์เพื่อจ่ายค่าโดยสาร คนขับกลับถามว่า “ขอดูรอยสักได้ไหม” ก่อนปีนข้ามมาจากเบาะหน้าไปยังเบาะหลังทันที จากนั้นเอามือล้วงใต้กระโปรง ลูบต้นขาและสอดนิ้วเข้าไปในอวัยวะเพศ พร้อมใช้มืออีกข้างจับกดไว้ที่เบาะ และยังจับหน้าอกอย่างรุนแรง ก่อนเอามือไปดึงเข็มขัดนิรภัยพยายามรัดตัวเพื่อข่มขืน ผู้เสียหายร้องไห้ดิ้นหนี คนขับจึงหยุดและพูดว่า “แค่นี้เหรอ จะไปต่อโรงแรมกันไหม เดี๋ยวพี่พาไปจอดโรงแรมให้” แต่ผู้เสียหายไม่เอาด้วยและรีบขอลงจากรถ ซึ่งรถรุ่นดังกล่าวเป็นรถไฟฟ้าที่ผู้โดยสารไม่สามารถปลดล็อกประตูเองได้ ต้องรอให้คนขับปลดล็อกจากปุ่มเซ็นทรัลล็อก ทำให้ผู้เสียหายหวาดกลัวอย่างหนัก เมื่อคนขับกดเปิดประตู ผู้เสียหายรีบวิ่งไปที่ร้านสักทันที คนขับจึงขับหนีออกจากพื้นที่อย่างรวดเร็ว

ต่อมาตนและเจ้าของร้านสักได้โทรติดต่อคนขับผ่านระบบโทรศัพท์ของแอป Bolt ซึ่งคนขับรับสายและพูดเพียงว่า “ขอได้ไหม ขอได้ไหม” พร้อมปฏิเสธทุกอย่าง อ้างว่าผู้เสียหายและเจ้าของร้าน “ฟังความข้างเดียว” ตนจึงตัดสินใจไปแจ้งความที่ สภ.บางกรวย ทันที โดยในวันเดียวกันได้ถูกส่งตัวไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลบางกรวย ขณะรอตรวจร่างกาย ตำรวจโทรแจ้งว่าควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยไว้ได้แล้ว ขอให้ผู้เสียหายมาชี้ตัว แต่ตนยังอยู่ในขั้นตอนตรวจร่างกายและรู้สึกกลัวอยู่ยังไม่พร้อมเจอหน้า จึงขอให้ตำรวจถ่ายรูปไว้ก่อนและจะตามไปชี้ตัวภายหลัง พร้อมนำเสื้อผ้าในวันเกิดเหตุมามอบให้ตำรวจ ซึ่งตำรวจแจ้งว่าผลตรวจร่างกายและเสื้อผ้าอาจใช้เวลาถึง 2–3 เดือน ทำให้ตอนนี้มีความกังวลเรื่องคดีคดี และเกิดความหวาดระแวงอย่างหนัก ลบแอปฯ Bolt ออกจากโทรศัพท์ทันที และหันไปใช้ Grab และแอปฯ เรียกรถอื่นแทน จึงนำเรื่องมาร้องเรียนอยากให้ตำรวจเร่งดำเนินการตามผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีให้ถึงที่สุด

ด้านนายโชติอนันต์ หรือ “เสี่ยเป้ บางกรวย” ระบุว่า จากข้อมูลที่ฟังมา ผลชันสูตรตรวจร่างกายไม่น่าจะใช้เวลานานถึง 2–3 เดือน ปกติไม่ควรเกิน 1 เดือน พร้อมยืนยันว่าจะติดตามคดีให้ถึงที่สุด และประสานกับร้อยเวรและผู้กำกับการเพื่อเร่งรัดสำนวน เพราะพฤติกรรมเช่นนี้ทำให้คนขับแอปดีๆ เสื่อมเสีย พร้อมกล่าวว่า คนพวกนี้ต้องเอาออกจากสังคม เราทำงานสุจริตกันอยู่ ไม่ควรมีคนแบบนี้มาทำให้วงการเสียหาย เดี๋ยวกูจะเอามึงเข้าคุกให้ได้

ขณะที่นายศุภณัฐ แท่งทอง หรือ “แน๊ค” อายุ 32 ปี เจ้าของร้าน Smooth Tattoo พลเมืองดีที่ช่วยเหลือผู้เสียหาย เปิดเผยว่า เวลาประมาณ 13.00 น. ผู้เสียหายได้เปิดประตูร้านวิ่งเข้ามาร้องไห้จนคิดว่าอาจทะเลาะกับแฟน ก่อนผู้เสียหายบอกว่าถูกคนขับ Bolt พยายามข่มขืน ตนจึงเปิดประตูร้านไปดูแต่รถคันดังกล่าวขับหลบหนีไปแล้ว จากนั้นพยายามติดต่อคนขับผ่านแอป ซึ่งเจ้าตัวปฏิเสธทุกอย่างและอ้างว่ากลัวถูกทำร้าย ตนจึงพาผู้เสียหายไปแจ้งความและไปตรวจร่างกายจนเสร็จในเวลา 19.00 น. ซึ่งพฤติกรรมลักษณะนี้น่าประณามมาก และเป็นช่องโหว่สำคัญของบริการรถผ่านแอปฯ ที่อาจมีการสวมรอยบัญชีผู้อื่นมาขับจริง ทำให้ตรวจสอบประวัติ ที่อยู่ และข้อมูลส่วนตัวของผู้ขับไม่ได้ ซึ่งอาจนำไปสู่การก่ออาชญากรรมซ้ำได้ หากวันนั้นผู้เสียหายหนีไม่ทันอาจถึงขั้นอันตรายถึงชีวิต และทำให้ความเชื่อมั่นของผู้โดยสารต่อระบบแอปฯ เรียกรถลดลงอย่างมาก

RELATED ARTICLES
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img