กรุงเทพฯ, วันที่ 17 พฤศจิกายน – นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (รมว.ทส.) มอบหมายให้นางสาวภัทรานันท์ ทองประพาฬ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทย ไปเข้าร่วมพิธีเปิดการประชุมผู้แทนระดับสูง ของการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 30 (COP 30) ณ เมืองเบเล็ง สหพันธ์สาธารณรัฐบราซิล พร้อมด้วย ดร. พิรุณ สัยยะสิทธิ์พานิช อธิบดีกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม และคณะผู้แทนไทย โดยนาย Simon Stiell เลขาธิการกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ได้เน้นย้ำให้ประเทศภาคีเร่งดำเนินการตามความตกลงปารีสที่จะควบคุมการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิเฉลี่ยโลกให้ไม่เกิน 1.5 องศาเซลเซียส ให้บรรลุผลลัพธ์อย่างเป็นรูปธรรรม

โดยนางสาวภัทรานันท์ ได้ติดตามความก้าวหน้าการเจรจาในห้วงสัปดาห์แรก โดยเฉพาะจัดทำตัวชี้วัดเป้าหมายการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศระดับโลก (GGA) ที่สอดคล้องกับทิศทางดำเนินงาน วัดผลได้และไม่สร้างภาระเพิ่มเติม รวมถึงการดำเนินงานตามแผน Bakuto Belem roadmap to 1.3T เพื่อติดตามการระดมเงินทุน 1.3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ที่มีความโปร่งใสและตรวจสอบได้ ให้กับภาคีประเทศกำลังพัฒนา ซึ่งรองเลขานายกฯ ได้เน้นย้ำให้ผู้แทนหน่วยงานติดตามประเด็นเจรจาอย่างใกล้ชิด และยึดถือผลประโยชน์ของประเทศเป็นสำคัญ
ทั้งนี้หัวหน้าคณะผู้แทนไทยได้กล่าวแสดงวิสัยทัศน์ร่วมกับ Ms. Grace Fu รัฐมนตรีว่าการกระทรวงความยั่งยืนและสิ่งแวดล้อมแห่งสาธารณรัฐสิงคโปร์ ถึง ข้อตกลงการดำเนินงานด้านคาร์บอนเครดิตระหว่างประเทศไทย-สิงคโปร์ ที่ลงนามเมื่อวันที่ 19 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งจะประกาศรับข้อเสนอการดำเนินโครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคป่าไม้ภายในไตรมาสแรกของปี 2569 ว่า แสดงถึงความมุ่งมั่นของไทยในการยกระดับมาตรฐานเทียบเท่าสากล และมุ่งสู่การเป็นผู้นำในภูมิภาค ซึ่ง ทส. โดยกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม (กรมลดโลกร้อน)ได้เตรียมการประกาศระเบียบวิธีขั้นตอน เพื่อใช้เป็นแนวทางพัฒนาโครงการสำหรับการถ่ายโอนผลการลดก๊าซเรือนกระจกระหว่างประเทศต่อไป

นอกจากนี้ นางสาวภัทรานันท์ ยังได้เยี่ยมชม Thailand Pavillion พร้อมรับฟังการนำเสนอข้อมูลการมีส่วนร่วมที่ประเทศกำหนดด้านการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ณ ปี ค.ศ. 2035 หรือ NDC 3.0 รวมถึงข้อมูลการลงทุนและแผนธุรกิจในการพัฒนานวัตกรรมการลดก๊าซเรือนกระจกของ ปตท. และการไฟฟ้าฝ่ายผลิต ใน Innovation Zone พร้อมพูดคุยกับผู้แทนเยาวชนไทยในการสร้างแรงขับเคลื่อนสังคมให้แก้ไขปัญหาสภาพภูมิอากาศและสร้างภูมิคุ้มกัน นำไปสู่การพัฒนาคุณภาพชีวิตในสถานการณ์ภูมิอากาศโลกที่มีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น

โดย Thailand Pavilion มีเวทีเสวนาหลากหลายประเด็น โดยนายปวิช เกศววงศ์ รองอธิบดีกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม และผู้ทรงคุณวุฒิหลากหลายสาขา ร่วมเสวนาแสดงถึงความสำคัญของป่าไม้เขตร้อนที่สำคัญต่อการบรรเทา และบรรลุเป้าหมายการปรับตัว ความมั่นคงทางน้ำที่สำคัญอย่างยิ่งต่อมวลมนุษยชาติ ระบบตลาดคาร์บอนในภูมิภาคอาเซียน ยึดหลักความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือสูง เชื่อมโยงกับตลาดคาร์บอนระดับโลก ปิดท้ายด้วยการเข้าถึงแหล่งเงินทุนอย่างเป็นธรรมตัวช่วยสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายจากคำมั่นสัญญาสู่การลงมือปฏิบัติจริง

