นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการเปิดประชุมสมัยวิสามัญ เพื่อพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ วาระที่ 2 ว่า เป็นอำนาจหน้าที่ของรัฐบาลที่จะเปิดประชุม ขณะนี้ยังไม่ได้รับการประสานจากรัฐบาล โดยจากการที่ได้หารือกับเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร หากรัฐบาลประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อใด รัฐสภาก็พร้อม ตั้งแต่ วันที่ 1 ธันวาคม เป็นต้นไป โดยทราบอย่างไม่เป็นทางการว่าคณะกรรมาธิการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ..) พุทธศักราช …. อยากให้เปิดช่วงวันที่ 8-10 ธันวาคม ซึ่งรัฐสภาก็พร้อม ไม่มีปัญหา โดยแน่นอนว่าต้องเชิญวิป 3 ฝ่าย (สส. สว. ครม.) มาหารือกัน เพื่อความเรียบร้อยของการประชุม ว่าแต่ละฝ่ายจะใช้เวลานานเท่าไร แต่การพิจารณาวาระที่ 2 ขึ้นอยู่กับว่า กรรมาธิการฯ จะสงวนความเห็น หรือ สส. สงวนคำแปรญัตติ มากน้อยเพียงใด ซึ่งจะอภิปรายเหมือนวาระที่ 1 ไม่ได้ และเมื่อจบวาระที่ 2 พิจารณารายมาตรา ต้องรออีก 15 วัน จึงจะลงมติต่อในวาระที่ 3 ได้ จึงจะถือว่าการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญจบ
ส่วนร่างที่กรรมาธิการฯ แก้ไขมา ไม่ใช้รูปแบบสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) นั้น มีความเห็นอย่างไร ประธานรัฐสภา กล่าวว่า เป็นหน้าที่ของกรรมาธิการฯ ทั้ง 43 คน ว่าจะคุยให้จบได้อย่างไร ให้มีความเห็นใกล้เคียงที่สุด ไม่ให้ไปตกในมาตราใด และให้ผ่านวาระที่ 3 เพื่อจะไปทำประชามติพร้อมกับการเลือกตั้ง ปลายเดือนมีนาคมหรือต้นเดือนเมษายนปีหน้า ส่วนกรณีที่ไม่มี สสร. นั้น ยังไม่ได้ดูตัวร่าง แต่รับฟังจากสื่อมวลชนและพูดคุยกับกรรมาธิการฯ บางคนเท่านั้น ดังนั้น ในที่สุดเรื่องที่ขัดแย้งที่เป็นเรื่องใหญ่ คือ สภาร่าง ที่ขัดแย้งกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ โดยหากเป็นคณะกรรมาธิการยกร่างฯ ที่ตั้งโดยสมาชิกรัฐสภา ซึ่งเลือกมาจากประชาชน ไม่มีปัญหา ไม่ขัดแย้งกับคำวินิจฉัยของศาล น่าจะเรียบร้อยได้ และหากคุยกันจบ ใน สส. ทั้งพรรคร่วมรัฐบาล พรรคร่วมฝ่ายค้าน และ สว. จะทำประชามติพร้อมเลือกตั้งได้
