สุดยอดปฏิบัติการของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) ปิดฉากนักต้มตุ๋นชาวจีนรายใหญ่ “นายอู๋” ผู้ก่อคดียักยอกทรัพย์กว่า 250 ล้านบาท ก่อนหนีข้ามทวีปเปลี่ยนสัญชาติเป็นชาววานูอาตู หลบหมายจับตำรวจสากลนาน 7 ปี สุดท้ายไม่รอด ถูกจับได้กลางกรุง

กลางดึกวันที่ 12 พฤศจิกายน 2568 สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) นำโดย พล.ต.ท.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ ผู้บัญชาการ สตม. สั่งการให้ทีมสืบสวนลงพื้นที่ตรวจสอบหลังได้รับเบาะแสจากประชาชน พบชายชาวต่างชาติรูปร่างหน้าตาคล้ายชาวจีน พักอาศัยอยู่ในบ้านหรูย่านกรุงเทพฯ มูลค่ากว่า 10 ล้านบาท แต่มีพฤติกรรมปิดตัว ไม่คบหากับใคร และมักมีชาวจีนแปลกหน้าแวะเวียนมาหาเป็นระยะ

ชุดสืบสวน บก.ตม.1 นำโดย พ.ต.อ.พลสิทธิ์ สุทธิอาจ และ พ.ต.ท.สุริยะ พ่วงสมบัติ ได้วางกำลังแฝงตัวเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในหมู่บ้านเพื่อเฝ้าติดตามพฤติกรรมอยู่หลายวัน จนกระทั่งช่วงเย็นของวันที่ 12 พ.ย. พบรถยนต์วอลโว่สีขาวขับออกจากบ้าน พร้อมชายชาวต่างชาติผู้ต้องสงสัยโดยสารอยู่ภายใน
เจ้าหน้าที่จึงวางกำลังดักซุ่มและสามารถสกัดจับได้บริเวณหน้าหมู่บ้าน ตรวจสอบพบว่าเป็นชายชื่อ นายอู๋ อายุ 40 ปี ถือหนังสือเดินทางสัญชาติวานูอาตู แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจสอบเชิงลึกกลับพบพิรุธ และประสานข้อมูลกับหน่วยงานต่างประเทศจนทราบว่า นายอู๋คืออดีตหัวหน้าฝ่ายขายโครงการอสังหาริมทรัพย์หรูในจีน ซึ่งถูก ออกหมายจับโดยอัยการเมืองเฉาโจว ในข้อหายักยอกทรัพย์กว่า 50 ล้านหยวน (ราว 250 ล้านบาท)
นายอู๋หลอกลูกค้าระดับไฮเอนด์ให้โอนเงินเข้าบัญชีส่วนตัวโดยอ้างเป็นราคาพิเศษ ก่อนเชิดเงินหลบหนีออกจากประเทศ ตั้งแต่ปี 2561 และไปแปลงสัญชาติเป็นพลเมืองวานูอาตู เพื่อหลบการติดตามของทางการจีน กระทั่งถูกตำรวจสากลออก “หมายแดง (Red Notice)” เพื่อตามล่าทั่วโลก

หลังรอดพ้นการจับกุมมาได้ถึง 7 ปี ในที่สุดเจ้าหน้าที่ สตม. สามารถสกัดจับตัวได้ในกรุงเทพฯ โดยเบื้องต้นแจ้งข้อหา “อยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด” และอยู่ระหว่างการดำเนินการส่งตัวให้ทางการจีน พร้อมขยายผลตรวจสอบทรัพย์สิน รถยนต์ บ้านพัก และเครือข่ายผู้ให้ความช่วยเหลือต่อไป

