CIB รวบ 2 พี่น้องแก๊งถอนเงินสด “เพจโอ้กะจู๋ปลอม” ขยายผลจับเพื่อนคาสนามบิน!

325

ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ตามรวบ 2 พี่น้องเครือข่ายถอนเงินสดจากบัญชีม้า เพจ “OHKAJU ปลอม” หลอกเหยื่อลงทุนเทรดหุ้น สูญเงินกว่า 6.8 แสนบาท ขยายผลรวบเพื่อนร่วมขบวนการที่สนามบินดอนเมือง ขณะเตรียมบินเที่ยวญี่ปุ่น

พล.ต.ท.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย ผบช.ก.

กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดยกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย ผบช.ก. สั่งการให้ชุดสืบสวนเข้าจับกุมผู้ต้องหาเครือข่าย “เพจโอ้กะจู๋ปลอม” หลอกลงทุนออนไลน์

เจ้าหน้าที่สามารถจับกุม​ นายธนโชติ อายุ 22 ปี , น.ส.สรัลชนาฯ อายุ 31 ปี สองพี่น้องร่วมขบวนการถอนเงินสดและน.ส.สุพัตตราฯ อายุ 30 ปี เพื่อนผู้ต้องหา ที่ชักชวนเปิดบัญชีม้า โดยจับกุมสองพี่น้องได้ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และตามรวบเพื่อนร่วมขบวนการได้ที่สนามบินดอนเมือง ขณะเตรียมเดินทางออกนอกประเทศ

สืบเนื่องจากผู้เสียหายแจ้งความว่าถูกเพจ “OHKAJU (โอ้กะจู๋)” ปลอม บน Facebook หลอกให้ลงทุนเทรดหุ้น อ้างชื่อบริษัท “ปลูกผักเพราะรักแม่ (OKJ)” เสียหายรวมกว่า 680,000 บาท โดยเริ่มจากโอนเงินเปิดพอร์ตเพียงไม่กี่พันบาท ก่อนถูกล่อให้ลงทุนเพิ่มจนสูญเงินหลักแสน

ตำรวจ บก.ปอท. ตรวจสอบเส้นทางการเงินพบว่า เงินถูกโอนไปยังบัญชี “ม้าแถวแรก” ก่อนส่งต่อมายังบัญชีของนายธนโชติฯ ซึ่งมีการถอนเงินสดกว่า 1.14 ล้านบาท พร้อมพี่สาวร่วมพาไปถอน

จากการสอบสวน นายธนโชติฯ รับสารภาพว่าได้รับค่าจ้างถอนเงินครั้งละ 1,500 บาทต่อยอดเงิน 1 ล้านบาท ส่วนพี่สาวเป็นผู้จัดหาบัญชีม้าให้เพื่อนชื่อ “แคท” ซึ่งภายหลังพบว่าเป็น น.ส.สุพัตตราฯ ทำหน้าที่เชื่อมโยงกับหัวหน้าขบวนการชาวไทยอีกชั้น

เบื้องต้น ผู้ต้องหาทั้งสามรายให้การปฏิเสธข้อกล่าวหา เจ้าหน้าที่นำตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.3 บก.ปอท. ดำเนินคดีในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, นำเข้าข้อมูลเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์, สมคบและร่วมกันฟอกเงิน”

ตำรวจเตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อเพจหรือโฆษณาชวนลงทุนที่อ้างผลตอบแทนสูง เพราะมักเป็นเพจปลอมของมิจฉาชีพ และไม่ควรให้ผู้อื่นใช้บัญชีธนาคาร เนื่องจากอาจเข้าข่ายความผิดฐานฟอกเงิน มีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

“ข่าวนี้เผยแพร่เพื่อประโยชน์สาธารณะ ให้ประชาชนรู้เท่าทันรูปแบบอาชญากรรมออนไลน์ ทั้งนี้ ผู้ต้องหายังถือเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาถึงที่สุด”