วันที่ 10 พ.ย. 68 พล.ต.อ. เอก อังสนานนท์ อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ผู้ทรงคุณวุฒิ ออกมาเล่าเรื่องราวผ่านรายการ “ถกไม่เถียง” ทางช่อง 7HD กด 35 ดำเนินรายการโดย ทิน โชคกมลกิจ ว่าตนขอออกมาปฏิเสธอย่างหนักแน่นว่า ไม่ได้ถูกใครครอบงำหรือสั่งการ รวมถึงไม่ได้เป็นเครื่องมือของ ผบ.ตร. แต่อย่างใด
ในประเด็นเรื่อง 2 มาตรฐาน พล.ต.อ. เอก อังสนานนท์ ได้ให้ข้อมูลเชิงลึกถึงความแตกต่างในขั้นตอนการดำเนินคดีอาญาและวินัย โดยระบุว่า สถานะของ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ และ พล.ต.อ. ต่อศักดิ์ แตกต่างกัน เนื่องจากผู้มีอำนาจสั่งลงโทษรอง ผบ.ตร. คือ ผบ.ตร. แต่ผู้มีอำนาจสั่งลงโทษ ผบ.ตร. คือ นายกรัฐมนตรี ส่วนในคดีอาญานั้น กรณีของ พล.ต.อ. ต่อศักดิ์ ถูกส่งไปยัง ป.ป.ช. ตั้งแต่แรก ในขณะที่กรณีของ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ ตำรวจดำเนินการสอบสวนเองในเบื้องต้น และมีการออกหมายจับ
นอกจากนี้ พล.ต.อ. เอก อังสนานนท์ ยืนยันว่า กรณีของ พล.ต.อ. ต่อศักดิ์ ยังไม่ได้มีการ “ชี้มูล” ความผิดทางวินัยจาก ก.ร.ต.ร. ตามที่สังคมเข้าใจ แต่เป็นเพียงมติให้แจ้งข้อกล่าวหา ซึ่งผู้ถูกกล่าวหาต้องมาชี้แจงตามกระบวนการก่อน ส่วนเอกสารร้องเรียนที่ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ ส่งมานั้น มีการดำเนินการตรวจสอบแล้ว แต่เป็นไปอย่างล่าช้าจริง เนื่องจากมีการเปลี่ยนประธานคณะกรรมการตรวจสอบถึง 4 คน
ด้าน พล.ต.อ. วินัย ทองสอง อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และนายกสมาคมตำรวจ ย้ำถึงความล่าช้าของกระบวนการยุติธรรม โดยเฉพาะคดีของนายตำรวจทั้งสองท่านที่ไปอยู่ที่ ป.ป.ช. มานานกว่า 2 ปี ท่านจึงได้ เปิดการท้าทาย พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ และ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ให้ร่วมกับตนไปติดตามความคืบหน้าของคดีเหล่านี้ที่ ป.ป.ช. และหน่วยงานกลางอื่น ๆ เช่น ป.ป.ง. เพื่อให้เกิดความกระจ่าง พล.ต.อ. เอก ยืนยันว่า การตัดสินสุดท้ายในคดีวินัยจะอยู่ที่ คำวินิจฉัยของศาลปกครองสูงสุด ซึ่งหาก พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ ไม่มีความผิดจริง ก็สามารถทวงสิทธิ์และฟ้องร้องเอาคืนผู้ที่กลั่นแกล้งได้ทั้งหมด ทั้งนี้ ทั้งสองท่านเห็นตรงกันว่า เพื่อให้องค์กรตำรวจดีขึ้น ผู้มีอำนาจต้องกล้าที่จะ “เชือดไก่ให้ลิงดู” และจัดการผู้กระทำผิดอย่างจริงจังและเด็ดขาด
ขอบคุณ: ข้อมูและภาพ จากรายการถกไม่เถียง
