รายงานพิเศษ​ : ปลูกยูคาลิปบนคันนา !!!!! คุ้มค่าหรือตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ

915

“ร้อยเอก ธรรมนัส สั่งลุย! โครงการปลูกต้นยูคาลิปตัสบนคันนา สร้างรายได้เพิ่ม เสริมประสิทธิภาพการพัฒนาคุณภาพชีวิตเกษตรกร” เห็นพาดหัวข่าวนี้ก็เล่นเอาอึ้ง ทึ่ง เสียว ในคราเดียวกัน

ที่อึ้งก็คือ คนระดับรัฐมนตรีเกษตรฯ รวมถึงบรรดาบิ๊กเนมจากกรมต่างๆ ในสังกัดกระทรวงพญานาค ไม่ทราบเลยหรืออย่างไร “ต้นยูคาลิปตัส” ส่งผลเสียต่อดินหรือสิ่งแวดล้อมหรือไม่ อย่างไร???

ที่ทึ่ง เพราะวัตถุประสงค์เพื่อขยายโอกาสการสร้างรายได้เพิ่ม และเสริมประสิทธิภาพการพัฒนาคุณภาพชีวิตเกษตรกรให้ดีขึ้น ถึงกับประสานสิบทิศเตรียม MOU กับเอกชนรับซื้อไม้ยูคาถึงที่

แต่กลับไม่มองถึงศักยภาพชาวบ้านชาวช่อง ที่ส่วนใหญ่เช่าที่ทำนา จะเอาอะไรไปปลูกมั่วซั่ว เจ้าของที่คงโวยตาย และเกษตรกรส่วนหนึ่งยังไม่พร้อมเปิดใจให้กับพืชชนิดอื่นนอกจากข้าว ไม่เชื่อดูได้จากสถิติของโครงการ Zoning by Agri-Map

และที่ทึ่งเข้าไปอีก ไม่ทราบจริงๆ เคยดูข้อมูลเก่าๆ บ้างหรือไม่ นับแต่ยูคาลิปตัสเข้ามาปลูกในไทย 70 กว่าปี ข้อดีหรือข้อเสียมากกว่ากัน โดยเฉพาะกับกรณีการปลูกแบบหย่อมๆ สะเปะสะปะ แล้วไม่เคยรู้เลยหรืออย่างไร โครงการคล้ายกันแบบนี้เคยมีมาแล้วในอดีตโดยรัฐบาลก่อนๆ แต่สุดท้ายก็เหลวไม่เป็นท่า

ส่วนที่เสียว ก็คงเป็นตัวเกษตรกรเอง ที่อาจได้ไม่คุ้มเสีย จนโครงการที่ยกเป็น Quick Big Win Project ที่กระทรวงเกษตรฯ เตรียมบูรณาการร่วมกับหน่วยงานภาคเอกชนส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกอาจกลายเป็น “Quick Big Fail Project” ไปเสียฉิบ

ไม่มีใครเถียง ต้นยูคาลิปตัสจัดเป็นพืชเศรษฐกิจที่ปลูกง่าย โตเร็ว สามารถใช้ประโยชน์ในทางอุตสาหกรรมได้ทั้งต้น โดยเฉพาะภาคอุตสาหกรรมป่าไม้ อุตสาหกรรมกระดาษ รวมถึงอุตสาหกรรมพลังงานไฟฟ้า ที่นำไปทำเชื้อเพลิงในโรงไฟฟ้าชีวมวล (Biomass) ผลิตกระแสไฟฟ้า

แล้วก็ไม่แย้งอีกเช่นกัน อัตราการเติบโตและการกักเก็บคาร์บอนของต้นยูคาลิปตัสมีค่อนข้างสูง เกษตรกรอาจมีรายได้เพิ่มจากการขายคาร์บอน แต่ถามว่าคนไทยรู้จริงเรื่องคาร์บอนเครดิตสักกี่คน

ส่วนการส่งเสริมการปลูกพืชบนคันนา ถือเป็นการส่งเสริมให้มีการใช้ประโยชน์จากที่ดินอย่างคุ้มค่า และเกิดประโยชน์สูงสุด อันนี้ก็ไม่เถียง แต่ผลกระทบล่ะ เคยคิดกันบ้างหรือไม่

เคยถามเกษตรกรตัวจริงหรือยัง เขาต้องการอะไร วิถีชีวิตเขาดำเนินไปอย่างไร ส่วนใหญ่ก็เห็นแต่คิดแทนเขา ตัดสินใจกันบนโต๊ะประชุม จิบชากาแฟ เปิดแอร์เย็นฉ่ำ ยังไม่พูดถึงเบี้ยประชุม

คลังความรู้มากมายในสื่อต่างๆ ทั้งออนไลน์ออฟไลน์ ที่ระบุถึงผลเสียชัดเจนของการปลูกยูคาลิปตัส ตรงนี้ถ้าใครยังไม่รู้ก็ลองอ่านดู

ยูคาลิปตัสเป็นพืชที่มีระบบรากที่ดูดซึมน้ำได้ค่อนข้างดีมาก ระบบรากสามารถชอนไชไปดึงน้ำที่ถูกเก็บไว้ใต้ดินหรือตามซอกหินมาใช้ได้ดีกว่าพืชชนิดอื่น สามารถดำรงชีวิตในเขตแห้งแล้งได้ดี

การนำเข้ามาปลูกในพื้นที่ที่มีพืชประจำถิ่นอยู่ อาจไม่ต่างจากเอเลี่ยนสปีชีส์ ที่ทำให้พืชท้องถิ่นชะงักการเจริญเติบโต หรือไม่สามารถอยู่รอดได้ ดูปลาหมอคางดำไว้เป็นตัวอย่าง

ยังมีงานวิจัยการสลายตัวของใบยูคาลิปตัส และการเปลี่ยนแปลงของธาตุอาหารพืช ได้แก่ โพแตสเซียม แคลเซียม แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส และไนโตรเจน พบว่าการปลูกยูคาลิปตัสแบบเชิงเดี่ยว ทำให้สมดุลของธาตุอาหารพืชในดินเปลี่ยนไปในทางที่แย่ลง

ขณะเดียวกัน ความหลากหลายของสิ่งมีชีวิตหน้าดินอย่างไส้เดือน หรือแมลงที่มีประโยชน์ ก็มีแนวโน้มลดลง ส่งผลให้คุณภาพดินและสิ่งแวดล้อมค่อยๆ เสื่อมคุณภาพลง

นอกจากนี้ ส่วนของใบยังมีน้ำมันหอมระเหยเข้มข้น สามารถยับยั้งการงอกและการเจริญเติบโตของพืชชนิดอื่นได้ นี่ยังไม่รวมหากต้นสูงใหญ่ ก็จะบดบังแสงทำให้พืชใกล้เคียง โดยเฉพาะข้าว ไม่สามารถสังเคราะห์แสง หรือสังเคราะห์อาหารได้ลดลง ส่งผลกระทบต่อผลผลิตหลักอย่างข้าว

ไหนๆ ก็ส่งเสริมให้ปลูกยูคาลิปตัสแล้ว แบบนี้น่าส่งเสริมให้เกษตรกรเลี้ยงหมีโคอาลาไปด้วยเลย อาหารก็ไม่ต้องหา กำไรน่าจะดีกว่า