หน้าแรกการเมือง"ณัฐชา" อัดกระทรวงเกษตรฯ จากรัฐมนตรีแอบสั่งการมาเป็นรัฐมนตรีตัวจริง อ้างเป็นคนจุดประเด็น คุยโวประกาศสงครามปลาหมอคางดำ แต่สุดท้ายเงียบกริบ พร้อมชู 12 นโยบายแก้ไขปัญหา

“ณัฐชา” อัดกระทรวงเกษตรฯ จากรัฐมนตรีแอบสั่งการมาเป็นรัฐมนตรีตัวจริง อ้างเป็นคนจุดประเด็น คุยโวประกาศสงครามปลาหมอคางดำ แต่สุดท้ายเงียบกริบ พร้อมชู 12 นโยบายแก้ไขปัญหา

วันที่ 4 พฤศจิกายน 2568 นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ สส.กทม. พรรคประชาชน ได้ออกมาเปิดเผยถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำว่าปัจจุบันมีการแพร่ระบาดเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในหลายจังหวัด ไม่ได้มีจำนวนลดน้อยถอยลงไปแต่อย่างใด พี่น้องเกษตรกรยังคงได้รับผลกระทบมากมาย ปัญหาชีวิตรุมเร้า ภาครัฐไม่มีมาตรการเยียวยาผลกระทบใด ๆ จนหลายคนต้องตัดสินใจจบชีวิตของตัวเอง.ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา กระทรวงเกษตรฯ แสดงท่าทีเหมือนจะจริงจังกับการแก้ปัญหาไขปัญหามากขึ้น แต่พอเปลี่ยนจากการเป็นรัฐมนตรีเงา ที่คอยสั่งการอยู่เบื้องหลัง มาเป็นรัฐมนตรีตัวจริง คุยโวว่าตนเองเป็นคนจุดประเด็น พร้อมพูดเสียงดังฟังชัดท่าทีขึงขังว่าจะประกาศสงครามกับปลาหมอคางดำ แต่ในท้ายที่สุดกลับนิ่งเงียบเหมือนเดิม ไม่ได้มีมาตรการที่เป็นรูปธรรมออกมาช่วยเหลือเกษตรกรแม้แต่น้อย ทั้งที่ความเสียหายกำลังลุกลามในหลายจังหวัด โดยเฉพาะในพื้นที่ลุ่มน้ำภาคกลางและภาคตะวันออก

ผมอยากถามตรง ๆ ว่าคำพูดในวันนั้นยังมีความหมายอยู่หรือไม่ หรือแอคชั่นใหญ่โต พูดไปเพียงเพื่อสร้างภาพทางการเมืองเท่านั้น นี่ไม่ใช่เวลาของการนิ่งดูดาย แต่คือเวลาที่กระทรวงเกษตรฯ ต้องลงมือจริง เพราะความเสียหายที่เกิดขึ้นไม่ได้รอใคร และไม่อาจแก้ได้ด้วยคำสั่งบนโต๊ะประชุม จำเป็นต้องมีการวางแผนเชิงระบบ และการประสานงานทุกระดับ ตั้งแต่ส่วนกลางจนถึงท้องถิ่น เพื่อจัดการปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม.ในระยะสั้น ภาครัฐควรเร่งดำเนินมาตรการเฉพาะหน้าเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน โดยเริ่มจากการประกาศเขตภัยพิบัติจากปลาหมอคางดำ เพื่อเปิดทางให้งบประมาณสามารถนำมาใช้เยียวยาเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบได้ทันที ควบคู่กับการตรวจสอบข้อเท็จจริงและดำเนินคดีต่อผู้ที่ลักลอบนำเข้าสัตว์น้ำต่างถิ่นโดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมทั้งเร่งประเมินมูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการเยียวยาและฟื้นฟูในระยะต่อไป รวมถึงการจัดตั้ง “ศูนย์ประสานงานแก้ปัญหาปลาหมอคางดำ” ระดับจังหวัดหรือภาค เพื่อให้หน่วยงานอย่างกรมประมง องค์การบริหารส่วนจังหวัด และกลุ่มเกษตรกรร่วมมือกันทำงานอย่างบูรณาการ

เมื่อสถานการณ์เริ่มควบคุมได้ ควรเร่งเดินหน้าแผนระยะกลาง ด้วยการสร้างระบบเฝ้าระวังและรายงานการพบปลาหมอคางดำแบบเรียลไทม์ผ่านแอปพลิเคชัน รวมถึงรณรงค์สร้างความรู้ความเข้าใจแก่ประชาชนถึงผลกระทบของปลาหมอคางดำและวิธีจัดการอย่างถูกต้อง พร้อมสนับสนุนงานวิจัยและเทคโนโลยีในการควบคุมประชากร เช่น การใช้กับดักชีวภาพหรือเทคนิคควบคุมพันธุกรรม รวมถึงส่งเสริมอาชีพทางเลือกให้เกษตรกรที่ได้รับผลกระทบ เช่น โครงการรับซื้อปลาที่ติดปลาหมอคางดำเพื่อนำไปผลิตอาหารสัตว์หรือปุ๋ยอินทรีย์

ในระยะยาว ต้องมีการวางระบบนโยบายที่มั่นคง เช่น การผลักดันงานวิจัยระยะยาวเกี่ยวกับการจัดการปลาหมอคางดำ เพื่อวางแนวทางควบคุมและฟื้นฟูระบบนิเวศ รวมถึงศึกษาระบบเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำที่ปลอดภัยไม่ให้สัตว์ต่างถิ่นรั่วไหลออกสู่ธรรมชาติ นอกจากนี้ ควรจัดตั้ง “กองทุนการนำเข้าสัตว์ชนิดพันธุ์ต่างถิ่น” เพื่อป้องกันความเสียหายล่วงหน้า และสร้างระบบติดตามประเมินผลนโยบายอย่างต่อเนื่อง โดยเผยแพร่รายงานสถานการณ์ปลาหมอคางดำอย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง เพื่อใช้เป็นฐานข้อมูลประกอบการตัดสินใจเชิงนโยบายในอนาคต

RELATED ARTICLES
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img