เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2568 เวลา 10.00 น. ณ ศูนย์ประสานงานเพจสายไหมต้องรอด ถนนวัดเกาะ เขตสายไหม กรุงเทพมหานคร มีผู้เสียหายซึ่งเป็นชาวฝรั่งเศสเดินทางมาขอความช่วยเหลือจากเพจดังกล่าว โดยผู้เสียหายได้เปิดบริษัทสำนักงานกฎหมายร่วมกับทนายความชาวไทยในกรุงเทพมหานครมาเป็นระยะเวลาหลายปี แต่ในช่วงต้นเดือนตุลาคม 2568 ได้ถูกมิจฉาชีพปลอมแปลงเอกสารและเปลี่ยนแปลงข้อมูลผู้ถือหุ้นในบริษัทผ่านระบบออนไลน์กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า โดยมีการนำชื่อของผู้เสียหายออกและใส่ชื่อของมิจฉาชีพแทน ก่อนที่จะทำการถอนเงินจากบัญชีธนาคารรวมเป็นเงินกว่า 18 ล้านบาท และมิจฉาชีพได้หลบหนีไปอย่างไร้ร่องรอย หลังจากเกิดเหตุ ผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความ แต่คดีไม่คืบหน้า จึงตัดสินใจร้องขอความช่วยเหลือจากเพจสายไหมต้องรอด

ต่อมา คุณโลร็องต์ บรูโน่ เบอนัวต์ พร้อมนายภูมิใจ มุกดา ทนายความของบริษัท ได้เปิดเผยว่า นายโลร็องต์ได้เปิดบริษัทให้คำปรึกษาด้านกฎหมาย วีซ่า และบัญชี ร่วมกับทนายความชาวไทยตั้งแต่ปี 2565 โดยบริษัทได้จดทะเบียนกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ซึ่งมีเว็บไซต์ให้บริการสำหรับการแก้ไขข้อมูลการจดทะเบียนบริษัท โดยบริษัทดำเนินการมาเป็นระยะเวลา 3 ปี โดยไม่เคยประสบปัญหาใดๆ จนกระทั่งวันที่ 6 ตุลาคม 2568 มิจฉาชีพได้ปลอมแปลงเอกสารเพื่อขอแก้ไขการจดทะเบียนบริษัท โดยขอให้กรรมการของบริษัทมีจำนวน 2 คนและใส่ชื่อของมิจฉาชีพเข้าไป
ในวันที่ 7 ตุลาคม 2568 ระบบได้อนุมัติการเปลี่ยนแปลงชื่อ ทำให้มิจฉาชีพสามารถเข้าไปแก้ไขข้อมูลในระบบและไล่ผู้ถือหุ้นในบริษัทออกได้ ในช่วงเช้าของวันที่ 8 ตุลาคม 2568 มิจฉาชีพได้ใช้เอกสารของบริษัทเพื่อขอเปิดบัญชีใหม่กับธนาคาร และได้ทำการถอนเงินสดจำนวน 8 ล้านบาทในทันที
ในเช้าวันถัดมา วันที่ 9 ตุลาคม 2568 คุณโลร็องต์ได้รับข้อมูลจากพนักงานในบริษัทเกี่ยวกับการเบิกค่าน้ำมัน ซึ่งทำให้เขาทราบว่าชื่อเจ้าของบริษัทได้มีการเปลี่ยนแปลงไป จึงได้โทรศัพท์ไปสอบถามและพบว่าเงินจำนวน 8 ล้านบาทได้ถูกถอนออกไปแล้ว ขณะนั้นบริษัทพยายามที่จะระงับบัญชี แต่ธนาคารแจ้งว่าไม่สามารถทำได้เนื่องจากต้องมีเอกสารหลักฐานการแจ้งความก่อน จึงรีบรวบรวมหลักฐานเพื่อแจ้งความที่สถานีตำรวจบางรัก
ในวันเดียวกัน ช่วงเที่ยง มิจฉาชีพได้ทำการถอนเงินอีกหลายครั้ง ครั้งละ 1 ถึง 4 ล้านบาท รวมแล้วถอนเงินไปทั้งหมด 18 ล้านบาท
คุณโลร็องต์ได้แสดงความรู้สึกเจ็บปวดและเสียใจอย่างมาก พร้อมเรียกร้องให้กระบวนการป้องกันในระบบออนไลน์มีความเข้มแข็งมากขึ้น ไม่ควรให้มีการเปลี่ยนแปลงชื่อกรรมการและการถอนเงินจากบัญชีได้ในระยะเวลาเพียงวันเดียว และขอให้มีการติดตามจับกุมผู้กระทำผิดให้ได้

คุณเอกภพ เหลืองประเสริฐ ได้เปิดเผยว่า ผู้เสียหายซึ่งเป็นทนายความชาวฝรั่งเศสได้ร่วมเปิดสำนักงานกฎหมายกับทนายความชาวไทย และในเดือนตุลาคมที่ผ่านมาได้มีมิจฉาชีพเข้าไปเปลี่ยนข้อมูลในบริษัทของเขาที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้าแบบออนไลน์ โดยมีการนำชื่อชาวต่างชาติออกจากบริษัทและใส่ชื่อของตนเองเข้าไป รวมถึงมีการปลอมแปลงลายเซ็นของชาวต่างชาติ ก่อนที่จะนำข้อมูลการเปลี่ยนแปลงไปเปิดบัญชีใหม่และถอนเงินออกไปจำนวน 18 ล้านบาท
ตนเองขอตั้งข้อสังเกตุกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ว่าทำไมถึงมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ง่ายขนาดนี้
ทำให้บริษัทของเขาเสียหายเป็นอย่างมาก ซึ่งปัจจุบันผู้เสียหายได้เข้าไปแจ้งความไว้ที่สถานีตำรวจบางรักเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
แต่วันนี้ทางผู้เสียหายอยากออกมาเตือนภัย และเรียกร้องหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ว่าทำไมข้อมูลของบริษัทสามารถเปลี่ยนแปลงได้ง่าย จนนำไปถึงการเสียหายที่มากมายขนาดนี้
ตนเองอยากฝากถึง พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิไล ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล ให้ช่วยเร่งตรวจสอบเนื่องจากถือว่ามิจฉาชีพ ได้ก่อเหตุแบบนี้มาแล้วหลายครั้ง ซึ่งหากปล่อยไว้ถือว่าจะมีความเสียหายเป็นจำนวนมาก

