ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย ผบช.ก., พล.ต.ต.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย ผบก.ทล., พ.ต.อ.แมน เม่นแย้ม รอง ผบก.ทล. และ พ.ต.อ.เอกนิรุจฒิ์ วันสิริภักดิ์ รอง ผบก.บก.ทล. พ.ต.อ.สุรศักดิ์ สิทธิใหญ่ ผกก.6 บก.ทล., พ.ต.ท.จิระพันธุ์ รุจิระกุล รอง ผกก.6 บก.ทล., พ.ต.ท.วิษณุ คำโนนม่วง รอง ผกก.6 บก.ทล.

เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ท.ณัติรุจน์ วัฒนะฉัตรรัตน์ สวญ.ส.ทล.4 กก.6 บก.ทล.,พ.ต.ต.สมโภชน์ บุญชะยา สว.ส.ทล.4 กก.6 บก.ทล., ร.ต.ต.ฤตะ ตึกประโคน รอง สว.(ป.) ส.ทล.4 กก.6 บก.ทล.,ส.ต.ท.คุณวุฒิ พรมมาลา, ส.ต.ท.ธวัชชัย ทะสุใจ ผบ.หมู่ ฯ ช่วยราชการ ส.ทล.4 กก.6 บก.ทล.
จับกุมผู้ต้องหา นายพัชรพล ฯ อายุ 21 ปี ผู้ต้องหา ตามหมายจับ ศาลจังหวัดสุรินทร์ ที่ จ.509/2568 วันที่ 24 กันยายน พ.ศ.2568 และศาลจังหวัดพิษณุโลก ที่ 594/2568 วันที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ.2568โดยกล่าวหาว่ากระทำผิดฐาน “เป็นผู้สนับสนุนผู้อื่นกระทำความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน โดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่นและโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเช้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน และเปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝากบัตรอิเล็กทรอนิกส์หรือบัญชีอิเล็กทรอนิกส์ของตนโดยมิได้มีเจตนาเพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้องทั้งนี้โดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้กระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดทางอาญาอื่นใด และร่วมกันฟอกเงิน ” สถานที่จับกุม บริเวณหน้าบ้านพักใน หมู่บ้านการเคหะซอย 7 ต.โพธิ์ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ

พฤติการณ์ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้สืบสวนติดตามเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์จนสามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดสุรินทร์และศาลจังหวัดพิษณุโลก หลังจากการสอบสวนพบว่าผู้ต้องหามีส่วนเกี่ยวข้องในการเปิดบัญชีธนาคารให้ขบวนการดังกล่าว เจ้าหน้าที่ได้สืบสวนจนทราบว่า ผู้ต้องหาได้หลบหนีมาอยู่ที่ หมู่บ้านการเคหะซอย 7 ต.โพธิ์ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ จึงออกติดตามตัวผู้ต้องหาตามหมายจับดังกล่าว และสามารถติดตามจับกุมตัวได้ จากการสอบถาม นายพัชรพล ฯ รับว่าเป็นบุคคลเดียวกันกับหมายจับจริง และไม่เคยถูกจับกุมดำเนินคดีตามหมายจับนี้มาก่อนแต่อย่างใด
จากการสอบถามผู้ต้องหาเบื้องต้น ทราบว่า เมื่อประมาณต้นปี 2568 นายพัชรพลฯ ผู้ต้องหา ได้ประกอบอาชีพค้าขาย แต่เกิดปัญหาขาดสภาพคล่องทางการเงินอย่างหนัก เนื่องจากติดการพนันออนไลน์ ต่อมาได้พบประกาศในสื่อออนไลน์ว่ามีการรับสมัครหาคนเปิดบัญชีคริปโตเคอเรนซี่ จึงได้ติดต่อไปสอบถามรายละเอียด ซึ่งทางนายหน้า ให้ข้อเสนอว่า ในการเปิดบัญชีจะได้ค่าตอบแทนบัญชีละ 5,000 บาท และหากไปทำงานที่ปอยเปต ประเทศกัมพูชา จะมีค่าตอบแทนให้อีกวันละไม่ต่ำกว่า 1,000 บาท ซึ่งในขณะนั้นนายพัชรพลฯ ซึ่งกำลังร้อนเงิน ได้หลงเชื่อจึงตัดสินใจรับข้อเสนอของนายหน้า และได้เดินทางไปยัง จ.สระแก้ว โดยจะมีนายหน้ามารับพาข้ามไปทำงานที่ ปอยเปต ประเทศกัมพูชา ผ่านช่องทางธรรมชาติ

เมื่อข้ามไปยังฝั่งประเทศกัมพูชา นายหน้าให้พักที่ตึกไม่ทราบชื่อ นอนรวมกับคนไทยอีกกลุ่มหนึ่งที่อยู่ก่อน และนายหน้าได้ให้ตนเปิดบัญชีธนาคารจำนวนหลายบัญชี และยึดมือถือไว้และแจ้งว่าจะคืนให้ โดยตนเองมีหน้าที่ สแกนใบหน้าเพื่อยืนยันตัวตน กรณีมีการโอนเงินเกิน 50,000 บาท ตามคำสั่งของนายหน้า โดยในแต่ละวันจะถูกบังคับให้อยู่ในห้องคล้ายออฟฟิศ ไม่สามารถออกไปไหนได้ ตนทำงานได้เพียง 3 วัน ได้รับค่าจ้างจากการเปิดบัญชีประมาณ 20,000 บาท และค่าแรงรายวันอีกวันละ 1,500 บาท ก่อนที่บัญชีของนายพัชรพลฯ จะถูกอายัด จึงขอกลับบ้านในประเทศไทย และไม่ได้ติดต่อนายหน้าอีกเลย
หลังจากนั้นมีหมายเรียกพยานของเจ้าหน้าที่ตำรวจส่งมาที่บ้าน จึงทราบว่า บัญชีของตนได้ถูกนำไปใช้เป็น “บัญชีม้า” ในการรับโอนเงินจากเหยื่อที่ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงในรูปแบบต่าง ๆ แต่ตนเองไม่ได้ไปพบและให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแต่อย่างใด จนกระทั่งถูกจับกุมตามหมายศาลในคดีนี้ เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัว แจ้งข้อกล่าวหาตามหมายจับให้ทราบ ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองสุรินทร์ ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.
สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การรับว่าตนได้ติดการพนันออนไลน์ จึงได้ต้องการหาเงินมาใช้ จนได้ไปเจอโพสต์ในสื่อออนไลน์ เกี่ยวกับการรับเปิดบัญชีแลกกับค่าตอบแทนที่สูง จึงได้สนใจเปิดบัญชีฯ เพราะต้องการเงินมาใช้ แต่ไม่คิดว่าจะถูกหลอกไปทำงานที่ประเทศกัมพูชา ซึ่งเกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์

ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ขอฝากประชาสัมพันธ์เตือนภัยประชาชน ระมัดระวังการหางานบนสื่อออนไลน์ ในลักษณะที่มีการจูงใจด้วยค่าตอบแทนที่สูง โดยแลกกับการเปิดบัญชี หรือซื้อขายข้อมูลส่วนบุคคล ส่วนมากจะเป็นมิจฉาชีพหลอกที่ให้เปิดหรือขายบัญชีให้ผู้อื่น หรือที่เรียกว่า “บัญชีม้า” ซึ่งถือเป็นอาชญากรรมตาม พ.ร.ก. ป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ.2566 มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

