หน้าแรกการเกษตร“ชัชวาล” ตั้งกระทู้จี้รัฐบาลกลางสภา ราคาข้าวตกต่ำ คือมะเร็งเรื้อรังของชาติ ชาวนาขาดทุนตั้งแต่ยังไม่ขาย รัฐต้องคืนศักดิ์ศรีให้คนปลูกข้าว

“ชัชวาล” ตั้งกระทู้จี้รัฐบาลกลางสภา ราคาข้าวตกต่ำ คือมะเร็งเรื้อรังของชาติ ชาวนาขาดทุนตั้งแต่ยังไม่ขาย รัฐต้องคืนศักดิ์ศรีให้คนปลูกข้าว

นายชัชวาล แพทยยาไทย สส.จังหวัดร้อยเอ็ด เขต 7 พรรคไทยสร้างไทย ลุกขึ้นตั้งกระทู้ถามสดต่อรัฐบาลในประเด็นปัญหาราคาข้าวตกต่ำ ซึ่งกำลังบั่นทอนชีวิตและความหวังของเกษตรกรทั่วประเทศ พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งออกมาตรการเชิงโครงสร้างเพื่อแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน ไม่ใช่เพียงแก้เฉพาะหน้าแบบชั่วครั้งชั่วคราว

นายชัชวาล เปิดประเด็นอภิปรายพร้อมตั้งกระทู้ถามอย่างเข้มข้น โดยสะท้อนถึงเสียงเดือดร้อนของเกษตรกรที่ต้องเผชิญกับราคาข้าวที่ลดลงต่อเนื่องทุกวัน จนกลายเป็นเหมือนความหวังที่ค่อยๆ เลือนหายไปพร้อมรอยยิ้มของชาวนาไทย โดยยกตัวอย่างสถานการณ์จริงจากพื้นที่ทุ่งกุลาร้องไห้ จังหวัดร้อยเอ็ด ซึ่งเป็นแหล่งผลิตข้าวหอมมะลิสำคัญของประเทศ โดยระบุว่าข้าวหอมมะลิ กข15 ปัจจุบันขายได้เพียง 12.30 บาทต่อกิโลกรัม จากเดิม 12.50 บาท ทั้งที่ต้นทุนการผลิตสูงถึง 11.70 บาทต่อกิโลกรัม นั่นหมายความว่าชาวนาขาดทุนตั้งแต่ยังไม่เริ่มขายผลผลิต

นายชัชวาล ยังเผยตัวเลขต้นทุนและราคาขายจริงของข้าวชนิดอื่น ๆ ที่สะท้อนภาพความเหลื่อมล้ำในระบบตลาดอย่างชัดเจน เช่น ข้าวปทุมธานีต้นทุน 6.30 บาท แต่ขายได้เพียง 6 บาท ข้าวเหนียวต้นทุน 8 บาทแต่ขายได้เพียง 7 บาท พร้อมระบุว่าชาวนาไม่ได้ต้องการความหรูหรา แต่ต้องการเพียงราคาที่คุ้มกับแรงกายแรงใจที่ทุ่มเทลงไปในนานายชัชวาลเสนอให้รัฐบาลกำหนด “ราคาข้าวที่เป็นธรรม” เพื่อให้ชาวนาอยู่รอดอย่างมีศักดิ์ศรี โดยเห็นว่าราคาที่เหมาะสมควรอยู่ที่ ข้าวหอมมะลิ 14 บาท ข้าวปทุมธานี 8 บาท ข้าวเจ้า 7 บาท และข้าวเหนียว 10 บาท ซึ่งเป็นระดับราคาที่จะทำให้เกษตรกรสามารถลืมตาอ้าปากได้ พร้อมย้ำว่าการแก้ปัญหาราคาข้าวต้องมองจากฐานราก ไม่ใช่การตั้งโครงการชั่วคราวที่หมดฤดูกาลก็จบ

นายชัชวาลได้ตั้งคำถามใหญ่ต่อรัฐบาล 2 ประเด็นหลัก ได้แก่ “รัฐบาลจะทำอย่างไรให้ข้าวไทยขายได้ในราคาที่เป็นธรรม” และ “รัฐบาลจะรักษาและขยายตลาดข้าวไทยอย่างไร ทั้งในประเทศและต่างประเทศ” โดยเปรียบเทียบว่าปัญหาราคาข้าวตกต่ำเป็นเหมือน “มะเร็งเรื้อรัง” ของประเทศ แต่สิ่งที่รัฐบาลทำอยู่ทุกวันนี้กลับเป็นเพียง “มอร์ฟีนระงับปวดชั่วคราว” ที่ไม่สามารถรักษาโรคให้หายขาดได้

นายชัชวาล ยังวิจารณ์มาตรการสินเชื่อชะลอการขายและโครงการจำนำยุ้งฉางของรัฐบาลว่า แม้มีเจตนาดีแต่ยังไม่ตอบโจทย์ เพราะโครงสร้างพื้นฐานในแต่ละพื้นที่ไม่เท่ากัน ภาคอีสานมียุ้งฉางมากแต่ภาคเหนือและภาคกลางยังขาดแคลน อีกทั้งราคาจำนำที่กำหนดก็ห่างจากราคาตลาดมากเกินไป ทำให้ชาวนาไม่จูงใจเข้าร่วมโครงการอย่างเต็มที่ในส่วนของสินเชื่อรวบรวมข้าว

นายชัชวาล ยกตัวอย่างสหกรณ์การเกษตรเกษตรวิสัย จังหวัดร้อยเอ็ด ว่าเป็นตัวอย่างที่ดีในการพยายามช่วยเหลือเกษตรกร แต่กลับติดขัดในขั้นตอนอนุมัติสินเชื่อที่ล่าช้า บางแห่งได้รับเงินหลังฤดูเก็บเกี่ยวถึงสามเดือน ทำให้โครงการที่ตั้งใจจะ “ตลาดนำการผลิต” กลายเป็น “ตลาดตามการเก็บเกี่ยว” แทนสส.พรรคไทยสร้างไทย ยังชี้ให้เห็นโครงสร้างของสหกรณ์การเกษตรทั่วประเทศที่ยังอ่อนแอ โดยเปิดเผยว่าจากสหกรณ์กว่า 6,000 แห่ง มีเพียง 12 แห่งเท่านั้น ที่มีศักยภาพสูงพอจะขับเคลื่อนตลาดข้าวได้จริง หากรัฐบาลต้องการใช้สหกรณ์เป็นกลไกหลักในการพยุงราคาข้าว จำเป็นต้องเริ่มเสริมความเข้มแข็งให้สหกรณ์ฐานรากก่อน เพราะ “การตบหลังคนที่ยืนได้แล้วไม่ช่วยให้คนที่กำลังจะล้มลุกขึ้นยืนได้”

ในช่วงท้ายของการอภิปราย นายชัชวาล ได้ตั้งคำถามปลายเปิดถึงรัฐบาลว่าจะมีแนวทางใดในการรักษาและขยายตลาดข้าวไทยให้มีมูลค่าเพิ่ม ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยยกตัวอย่างกรณีที่ญี่ปุ่นมาปลูกข้าวในประเทศไทยและจำหน่ายได้ในราคากิโลกรัมละ 90 บาท ขณะที่ข้าวหอมมะลิไทยกลับขายได้เพียง 33 บาท เพราะญี่ปุ่นขาย “คุณค่าและเรื่องราว” แต่ไทยยังขายเพียง “สินค้าเกษตร”พร้อมทิ้งท้ายด้วยว่า การตั้งคำถามในวันนี้ไม่ได้ต้องการคำตอบเพื่อการเมือง แต่ต้องการให้รัฐบาลเห็นหัวใจของคนทำนา และอยากให้คำตอบของรัฐบาลเป็นคำตอบที่ทำให้ชาวนามีศักดิ์ศรี มีรายได้ และมีอนาคตอย่างยั่งยืน

RELATED ARTICLES
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img