วันที่ 9 ต.ค.68 นายกัณวีร์ สืบแสง สส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม เปิดเผยว่า วันนี้ตนขอใช้เวลา 2 นาทีของที่ประชุมสภาผู้แทนราษฏร ขอหารือถึง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี จากการไปการเซ็น MOU ว่าด้วยความร่วมมือการพัฒนาความหลากหลายของแร่ธาตุที่มีความสำคัญในระดับโลกและการส่งเสริมการลงทุนกับสหรัฐอเมริกา
“เรื่องนี้จริง ๆ แล้ว ทราบดีว่าไทยเราไม่มีการทำแรร์เอิร์ธ มีแต่แร่ดิบ เช่นดีบุกที่ทำแรร์เอริ์ธได้ แต่มีปัญหาตั้งแต่ต้นปี ท่านทราบหรือไม่ว่าที่ผ่านมาว่ามีภาคประชาชน ภาคประชาสังคม ภาควิชาการในภาคเหนือที่จ.เชียงใหม่ จ.เชียงราย ได้รับผลกระทบแรร์เอิร์ธ จากประเทศเพื่อนบ้าน คือเมียนมาและมีมลพิษข้ามแดนมาในไทย”
นายกัณวีร์ กล่าวยอมรับว่า ตนตกใจเพราะไปลงพื้นที่กับท่านรองนายกฯสุชาติ ชมกลิ่น ที่ จ.เชียงใหม่ จ.เชียงราย ไปถามปัญหาประชาชนในพื้นที่ ที่กระทบจากแร่พวกนี้ ทั้งแม่น้ำกก แม่น้ำรวก แม่น้ำสาย และแม่น้ำโขง มี 4 ประเทศกระทบเหมืองแร่ข้ามพรมแดน แต่ไทยกลับไปเซ็น กับสหรัฐฯ แสดงถึงความภาคภูมิใจ
“ผมนี่ไม่เข้าใจจริง จึงขอฝากคำถามไปถึงนายกรัฐมนตรี 3 ข้อ 1.เหตุผลที่ไปลงนามทั้งๆที่มีผลกระทบมลพิษข้ามแดน กับไทย แทนที่จะป้องกันปัญหาให้ประชาชนไทย แต่กลับไปลงนามเรียบร้อยแล้ว 2.ห่วงโซ่อุปทาน นั่นหมายความว่าเราจะช่วยเขาในการพัฒนาใช่หรือไม่ และในการประชุม ครม. 23 ต.ค. ได้หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมากน้อยหรือไม่ ไม่ใช่กระทรวงอุตสาหกรรมเพียงอย่างเดียว ยังมีหลายกระทรวง ท่านได้ถามหรือไม่ว่า มีปัญหามลพิษข้ามแดนอย่างไร แล้วทำไมยังลงนาม 3.ก่อนการทำ MOU ท่านได้ถามสำนักงานคณะกรรมการกฤษฏีกาอย่างรอบคอบแล้วหรือไม่ว่าจะไม่มีปัญหาทางกฏหมาย”
นายกัณวีร์ กล่าวย้ำว่า ตนจึงต้องฝากไปถึงนายกรัฐมนตรี ก่อนจะไปตกลงกับใคร อย่าลืมปัญหาของประชาชนที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข เพราะหมายถึงชีวิตของประชาชน

