รองจเรตำรวจแห่งชาติ ชี้ กรณี รอง ผกก. สน.ดอนเมือง ถูกไล่ออกจากราชการ เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยืนยันตำรวจทุกนายต้องปฏิบัติตามวินัยและจรรยาบรรณ หากกระทำผิด ไม่ว่าจะยศใด จะถูกดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด ไม่ละเว้นแน่นอน
วันที่28 ต.ค ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร)พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รองจเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะรองผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (รอง ผอ.ศปอส.ตร.) เปิดเผยถึงกรณีที่รองผู้กำกับการสอบสวน สน.ดอนเมือง ถูกคำสั่งไล่ออกจากราชการเนื่องจากถูกดำเนินคดีเกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงลงทุนเทรดหุ้นออนไลน์ ว่า เรื่องดังกล่าวเป็นไปตามระเบียบขั้นตอนตามกฎหมายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจไปกระทำความผิดอาญา ที่ทำให้เกิดความเสียหายร้ายแรง ผู้บังคับบัญชาสามารถพิจารณาไล่ออกจากราชการไว้ก่อนได้
ซึ่งพฤติการณ์ของตำรวจเช่นนี้ ทำให้เกิดความเสื่อมเสียต่อองค์กรและภาพลักษณ์ของตำรวจเป็นอย่างมาก แต่สุดท้ายก็ถูกตำรวจด้วยกันจับกุมดำเนินคดีอยู่ดี จึงสะท้อนให้เห็นว่า เราไม่มีการละเว้นหากผู้กระทำความผิดเป็นตำรวจเสียเอง เราจะดำเนินการอย่างเด็ดขาด
ตนในฐานะที่ทำงานด้านจเรตำรวจด้วย จะเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบระเบียบวินัยและจรรณยาบรรณของตำรวจด้วยกัน ซึ่งเป็นไปตามที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติสั่งการกำชับเอาไว้ให้จเรตำรวจแห่งชาติและฝ่ายจเรตำรวจ ออกตรวจเยี่ยมกำกับดูแลเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยเฉพาะตามท้องที่สถานีตำรวจต่าง ๆ ยิ่งหากมีประชาชนร้องเรียนมาและเราตรวจสอบพบว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจนายใดใช้อำนาจหน้าที่ตามกฎหมายโดยมิชอบหรือเป็นผู้กระทำความผิดเสียเอง จะต้องดำเนินการอย่างเด็ดขาด
โดยเราต้องกำชับให้ตำรวจยึดมั่นในอุดมคติและจรรยาบรรณของตำรวจ ต้องไม่กระทำการฝ่าฝืนวินัยของตำรวจหรือกฎหมายเสียเอง หากตำรวจนายใดฝ่าฝืนก็จะต้องถูกดำเนินการทั้งทางคดีอาญาและทางวินัยอย่างเต็มที่ ซึ่งตนมองว่า ตำรวจที่กระทำเช่นนั้นย่อมรู้ด้วยตนเอง ก็ขอให้ท่านตระหนักรักษาไว้ในเรื่องของระเบียบวินัย ทำอะไรให้อยู่ภายใต้กรอบของกฎหมาย สำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่เลี้ยงตำรวจที่ฝ่าฝืนวินัยและทำผิดกฎหมายอยู่แล้ว ไม่ว่าจะชั้นยศไหนก็ตาม หากกระทำความผิด เราก็ดำเนินคดีทั้งหมด
นอกจากนี้ ในกรณีของบุคคลไม่ว่าจะระดับใดก็ตามที่เป็นข้าราชการหรือนักการเมือง หรือจะเป็นใครก็ตาม หากตำรวจพบพยานหลักฐาน เราก็จับกุม ซึ่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติก็เคยกล่าวไว้แล้วว่า เรื่องใดที่มาถึงตำรวจ เราก็จะดำเนินการสืบสวนสอบสวนอย่างเต็มที่ ทุกอย่างต้องว่ากันไปตามพยานหลักฐาน เราไม่สนใจยศตำแหน่งใด ๆ ทั้งสิ้น เราดูแค่ว่าพยานหลักฐานไปถึงและพิสูจน์ได้ว่ากระทำความผิดหรือที่เรียกว่า “พยานหลักฐานมัดตัว” ก็ต้องถูกดำเนินคดีทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม
กองบัญชาการตำรวจนครบาล ยืนยันจับ รองผู้กำกับ สน.ดอนเมือง หลังถูกกล่าวหาสมคบฟอกเงินและให้คำปรึกษาเปิดบัญชีม้า ขณะนี้ถูกตั้งกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงและให้ออกจากราชการชั่วคราว
กรณี ปรากฎตาม สื่อโซเชียล รองผู้กำกับพื้นที่นครบาล สมคบฟอกเงินและเป็นที่ปรึกษาให้เครือญาติเปิดบัญชีม้า
ตามที่ปรากฎสื่อโซเชียล ในกรณี ปรากฏข่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการจับกุม เจ้าหน้าที่ตำรวจ ตำแหน่ง “รองผู้กำกับการ ในสังกัด บก.น.2 “ มีส่วนเกี่ยวข้องกับการสมคบฟอกเงินและเป็นที่ปรึกษาให้เครือญาติเปิดบัญชีม้า นั้น
ทางกองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้ดำเนินการตรวจสอบแล้วพบว่า เป็นกรณี เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2568 เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโลยี (ปอท.) ได้ทำการจับกุมตัว พันตำรวจโท พศินกนกภรัณ วัชระเพชรกากแก้ว รองผู้กำกับการ (สอบสวน) สถานีตำรวจนครบาลดอนเมือง ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 5865/2568 ลงวันที่ 6 ต.ค. 68 ในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น, โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมด หรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน, สมคบโดยการตกลงตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน, ร่วมกันฟอกเงินและร่วมกันเป็นอั้งยี่” โดยจับกุมได้ที่ บ้านเช่าหลังหนึ่ง ถนนแจ้งวัฒนะ แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร
กองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้สั่งการให้ทาง กองบังคับการตำรวจนครบาล 2 ดำเนินการ ตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง และ และมีคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน ตั้งแต่วันที่ 8 ตุลาคม 2568 หากผลการสอบสวนพบว่ามีข้าราชการตำรวจในสังกัด กองบัญชาการตำรวจนครบาล รายใดมีส่วนเกี่ยวข้องในการร่วมกระทำความผิด กองบัญชาการตำรวจนครบาล จะดำเนินการทั้งทางวินัยและอาญาโดยเด็ดขาด

