“อนุทิน” ยัน MOU แรร์เอิร์ธ ไทย-สหรัฐฯ อยู่ใต้รธน. ไม่ผูกพันทาง กม. ยกเลิกฝ่ายเดียวได้ ลุ้นข่าวดี ไทยได้ลดภาษีเพิ่ม

667

มาเลเซีย, 27 ตุลาคม 2568 — นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ชี้แจงกรณีการลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ด้าน “แร่แรร์เอิร์ธ” หรือแร่หายากกับสหรัฐอเมริกา ว่าเป็นเรื่องที่ไม่ควรวิตกกังวล พร้อมย้ำว่าเอกสารดังกล่าว อยู่ภายใต้กฎหมายรัฐธรรมนูญไทย และ ไม่มีผลผูกพันทางกฎหมายใดๆโดย MOU ดังกล่าวเป็นการแสดงเจตจำนงร่วมมือในด้านแร่ธาตุที่มีศักยภาพ ซึ่งเป็นแนวทางปกติในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โดยมีเงื่อนไขชัดเจนว่าทุกขั้นตอนต้องเป็นไปตามหลักธรรมาภิบาลและกฎหมายของไทยทั้งหมด “อย่าเพิ่งตัดสินจากหัวข้อ ต้องอ่านเนื้อหาก่อนวิจารณ์ เพราะทุกอย่างอยู่ในกรอบของรัฐธรรมนูญและกฎหมายไทย” นายอนุทินกล่าว

นายอนุทิน กล่าวว่า สหรัฐฯ แสดงความต้องการเข้ามาร่วมพัฒนาเทคโนโลยีและการวิจัยในสาขาแร่หายาก เนื่องจากประเทศไทยมีศักยภาพในทรัพยากรแต่ยังขาดองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยี โดย MOU ฉบับนี้เป็นเพียงแนวทางความร่วมมือเบื้องต้น ไม่ได้มีข้อผูกพันหรือบังคับให้ไทยต้องดำเนินการใดๆ หากต่อมาเห็นว่าไม่เป็นประโยชน์ ก็สามารถยุติข้อตกลงได้โดยไม่ต้องขอความยินยอมจากอีกฝ่าย

“นี่คือ MOU จริงๆ เป็นเพียงความเข้าใจร่วมกัน ไม่ใช่สนธิสัญญาหรือสัญญาทางกฎหมาย(Agreement/Contract/Treaty) ดังนั้นไม่มีผลผูกพันใดๆ ต่อประเทศ” นายกรัฐมนตรีกล่าว พร้อมเปรียบว่าเป็นการ “จุดประกายความร่วมมือ” ระหว่างไทยกับสหรัฐฯ ต่อเนื่องจากการลงนามปฏิญญาแสวงหาสันติภาพกับกัมพูชา

นายอนุทินกล่าวว่า หลังจากการหารือกับนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ก็ได้ขอให้ช่วยพิจารณาลดภาษีศุลกากร (Tariff) เพื่อส่งเสริมการค้าระหว่างสองประเทศ นี่คือการสร้างมิตรภาพทางเศรษฐกิจ เพื่อผลดีต่อประเทศไทย

ทั้งนี้ นายอนุทินย้ำว่า รัฐบาลพร้อมเปิดเผยรายละเอียดให้ประชาชนตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน เพราะไม่มีสิ่งใดต้องปกปิด ทุกอย่างอยู่บนหลักความโปร่งใสและผลประโยชน์ของชาติเป็นที่ตั้ง