ตร.ไซเบอร์บุกทลายเครือข่าย 6 บริษัทเถื่อน พัวพันแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ฟอกเงินกว่า 34 ล้าน

650

รอง ผบช.สอท. แถลงผลปฏิบัติการตรวจค้น 6 บริษัทนิติบุคคลจดทะเบียนเท็จ ใช้เปิดบัญชีรับเงินจากเหยื่อคอลเซ็นเตอร์ พบเส้นทางฟอกเงินโยงขบวนการคนจีน มูลค่าความเสียหายรวมกว่า 34 ล้านบาท เตรียมขยายผลจับกุมผู้ร่วมขบวนการทั้งหมด

พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รองผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือตำรวจไซเบอร์ แถลงผลการตรวจค้น 6 บริษัทเถื่อนเอี่ยวแก๊งคอลเซ็นเตอร์ พบเหยื่อถูกหลอกโอนเข้าบัญชีแล้วกว่า 34 ล้านบาท​ สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.2 ได้สืบสวนคดีแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่หลอกลวงผู้เสียหาย โดยใช้บัญชีม้าถอนเงินสดจากธนาคาร แล้วนำเงินสดไปซื้อเงินสกุลติจิทัลเพื่อปกปิดเส้นทางการเงิน จนนำมาสู่การออกหมายจับบุคคลที่เกี่ยวข้องในข้อหาร่วมกันกันฉ้อโกงประชาชน นำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ร่วมกันซ่องโจร ร่วมกันสมคบกันฟอกเงิน และเปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ของตน โดยมิได้มีเจตนาเพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้อง หรือยินยอมให้บุคลอื่นใช้ หรือยืมไข้หมายเลขโทรศัพท์สำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ของตน

ต่อมา 9 ตุลาคม เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.2 ได้นำกำลังเข้าตรวจค้นบ้านหลังหนึ่งในพื้นที่ หมู่ที่ 13 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี สามารถจับกุมนายณัฐนันท์ อายุ 35 ปี พร้อมตรวจยึดพยานหลักฐานสำคัญเป็นโพรศัพท์มือมือถือ IPhone 15 Pro Max จำนวน 1 เครื่อง

จากการตรวจสอบข้อมูลในโทรศัพท์มือถือเครื่องดังกล่าว พบข้อมูลหลักฐานสำคัญเป็นแชทที่นายณัฐนันท์ได้พูดคุยกับผู้สั่งการที่เชื่อมโยงไปยังกลุ่มคนจีนผ่านแอปฟลิเคชัน Telegram จากการตรวจสอบทสนทนา พบว่า หลังจากนายณัฐนันท์ทำหน้าที่ถอนเงินสดบัญชีม้าแล้ว ได้ผันตัวเองเป็นผู้ทำหน้าที่จัดหาบัญชีธนาคารเพื่อรอรับเงินที่ได้มาจากการกระทำผิด แล้วคอยถอนเงินหรือโอนเงินต่อเพื่อปกปิดเส้นทางการเงินอันเป็นการฟอกเงิน

โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจพบข้อมูลว่า นายณัฐนันท์ได้จัดหาบัญชีธนาคารประเภทนิติบุคคลรูปแบบบริษัทมารับเงินผิดกฎหมาย ทั้งหมด 9 บัญชี โดยทั้ง 9 บัญชีถูกจดทะเบียนเป็นชื่อบริษัทจำนวน 6 บริษัท เมื่อตรวจสอบการเคลื่อนไหวในบัญชีทั้งหมด พบว่าเป็นบัญชีที่ใช้รับเงินของผู้เสียหายที่ถูกหลอกลวงออนไลน์และได้แจ้งความไว้ในระบบ​thaipoliceonline แล้วจำนวน 30 เคสไอดี รวมความเสียหายกว่า 34 ล้านบาท

ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติศาลออกหมายค้นนิติบุคคลทั้ง 6 บริษัท และได้เข้าตรวจค้น จำนวน 6 จุด ดังนี้

  1. บริษัท มิสเตอร์ ฟรุดแลนด์ ควอลิที เซอร์วิส จำกัด ตั้งอยู่ในชอยอ่อนนุช 66 ถนนอ่อนนุช แขวงอ่อนนุช
    เขตสวนหลวง
  2. บริษัท สุรีย์ เฮาส์ แคร์ เซอร์วิส จำกัด ตั้งอยู่ในซอยอ่อนนุช 66 ถนนอ่อนนุช แขวงอ่อนนุช เขตสวนหลวง
  3. บริษัท อาชา อินโนเวชั่น จำกัด ตั้งอยู่ในซอย 54 แยก 2 แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน
  4. บริษัท ประเสริฐทรัพย์ฟาร์ม จำกัด ตั้งอยู่ในชอยชิดลม ถนนเพลินจิต แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน
  5. บริษัท สุนาวี ซุปเปอร์ ซิลิโคน รับเบอร์ จำกัด ตั้งอยู่ในชอยชิดลม ถนนเพลินจิต แชวงลุมพินี เขตปทุมวัน
  6. บริษัท นาวี เฟอร์นิเจอร์ จำกัด ตั้งอยู่ในซอยชิดลม ถนนเพลินจิต แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน

ผลการตรวจค้น พบว่าทั้ง 6 บริษัท ไม่ได้มีการดำเนินกิจการตรงตามที่แจ้งจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท จึงเชื่อว่าเป็นเพียงการจดทะเบียนนิติบุคคลขึ้นมาเพื่อใช้ในการเปิดบัญชีคอยรับเงินและฟอกเงินให้แก่ขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์เท่านั้น โดยขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบข้อมูลผู้เกี่ยวข้องกับทั้ง 6 บริษัทดังกล่าวแล้ว อยู่ระหว่างการเร่งติดตามตัวและสืบสวนขยายผลในส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป